ใคร ๆ ก็ปรารถนาที่จะมีความสุข มองว่า ความสุขเป็นเป้าหมายของชีวิต แต่กลับดูเหมือนว่าในยุคนี้ผู้คนกลับมีความสุขลดน้อยลง
ไม่เพียงแต่ความสุขจะลดลง กลับมีภาวะความเครียดมากขึ้น แทบจะเรียกว่ายุคความเครียดครองเมือง ผู้คนมีความสุขได้ยากขึ้น ความสุขที่มีก็เป็นเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เป็นการแสวงหาความสุขเพียงเพื่อสนองตอบความต้องการเพียงชั่วครั้งคราว และเป็นความสุขที่มักจะไปยึดติดกับวัตถุอีกต่างหาก
สำหรับบางคนความสุขคือการได้สิ่งของที่ต้องการ หรือสิ่งใหม่ๆ หรือเงินทองที่เพิ่มมากขึ้น ตำแหน่งหน้าที่การงาน ฯลฯ แต่สำหรับคนเป็นพ่อแม่ ความสุขอาจอยู่ที่การได้อยู่ร่วมกับครอบครัว ได้เห็นหน้าลูก หรือ ฯลฯ และพ่อแม่ทุกคนก็ปรารถนาอยากเลี้ยงลูกให้มีความสุข และมองว่าความสุขเป็นเรื่องไม่ยาก เป็นเรื่องที่พ่อแม่สามารถจัดการได้เอง
แต่พอเอาเข้าจริง เด็กยุคนี้เติบโตขึ้นมา ท่ามกลางภาวการณ์แห่งความตึงเครียด ทั้งปัญหาสภาพแวดล้อม ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการศึกษา ปัญหาการเมือง ฯลฯ ผู้ใหญ่เองก็เครียด แล้วใยเด็กจะไม่เครียดเล่า…!! และจริงหรือไม่ที่ยุคนี้เด็กยิ่งโต ความสุขยิ่งลดลง !
จริงอยู่ เราคนเป็นพ่อแม่ต่างก็ปรารถนาอยากให้ลูกมีความสุข เพราะเมื่อลูกมีความสุข นั่นหมายความว่า จะทำให้มีการหลั่งสารแห่งความสุข ที่เรียกว่า Endorphins (เอนโดรฟิน)
ข้อมูลจากงานวิจัยพบว่า สารเอนโดรฟินเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการเสริมพลังด้านบวก (Positive reinforcement) โดยปริมาณของสารเอนโดรฟินในพลาสมามีความสัมพันธ์กับความรู้สึกสบาย รู้สึกมีความสุข อารมณ์ดี และเมื่อเด็กมีความสุข อารมณ์ดี ก็จะทำให้เด็กมีสุขภาพจิตดี กินได้ นอนหลับ และเมื่อนอนหลับก็จะทำให้มี Growth ฮอร์โมน ซึ่งทำให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ดี สุขภาพร่างกายแข็งแรง อีกทั้งความสุขจะส่งผลให้สมองได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การกระตุ้นพัฒนาการให้ลูก ทั้งการให้ลูกได้เคลื่อนไหว ได้เล่น ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือกระทั่งการเลี้ยงดูในสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นการเรียนรู้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มพลังให้สมองลูกทั้งนั้น เพราะกิจกรรมเหล่านี้จะทำให้สมองหลั่งสารจำพวก Neurotrophic Factors หรือ นิวโรโทรฟิค แฟกเตอร์
สารดังกล่าวเปรียบเสมือนสารอาหารที่หล่อเลี้ยงเซลล์ประสาท มีความสำคัญอย่างมากในช่วงที่สมองกำลังพัฒนา โดยทำหน้าที่กระตุ้นในการสร้างเซลล์ประสาทให้แตกแขนงยืดยาวออก เพื่อป้องกันการตายของเซลล์ประสาท แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำให้เกิดความสุข แต่จะเกี่ยวข้องกับความจำและการเรียนรู้
แต่ที่น่าเศร้าใจก็คือทำไมเด็กยิ่งโต ความสุขกลับยิ่งลดลง
ลองมาดูกันสิว่าความสุขของเด็กมีอะไรบ้าง แล้วคนเป็นพ่อแม่ได้ทำให้ความสุขของเด็กหล่นหายไประหว่างทางหรือเปล่า มาช่วยกันปลูกฝังให้ลูกมีความสุขในท่ามกลางภาวะความเครียดตั้งแต่เล็กกันค่ะ
หนึ่ง - เด็กกับความสุขเป็นของคู่กัน
ต้องเริ่มจากการสร้างทัศนคติของผู้ใหญ่ก่อน ต้องมองและทำความเข้าใจว่าเด็กกับความสุขเป็นของคู่กัน เด็กสามารถมีความสุขกับสิ่งง่ายๆ รอบตัว โดยเฉพาะเด็กเล็กสามารถยิ้ม หัวเราะได้อย่างมีความสุข มองทุกสิ่งอย่างในโลกใบนี้เป็นเรื่องสวยงาม แต่หลังจากนั้น ก็ต้องอยู่ที่ตัวเด็กว่าจะได้รับการเลี้ยงดู และเติบโตขึ้นไปมีประสบการณ์อย่างไรในการดำรงชีวิต และการมีทัศนคติต่อเรื่องความสุขอย่างไร นั่นก็ไม่พ้นคนเป็นพ่อแม่
สอง - ความสุขสร้างได้จากรอบตัว
พ่อแม่ควรฝึกให้ลูกมีความสุขจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ให้ลูกได้เรียนรู้ความสุขจากธรรมชาติ จากสภาพแวดล้อมใกล้ตัว ถ้าภายในบ้าน หรือรอบบริเวณบ้านมีสวนหย่อม หรือมีบริเวณ หรือพื้นที่เล็ก ๆ ก็ให้ลูกได้ชื่นชมความงามจากธรรมชาติ หรือถ้าเลี้ยงสัตว์ภายในบ้าน ก็ให้ลูกได้เรียนรู้ธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน เป็นการได้เรียนรู้จักสรรพสิ่งรอบๆ ตัว เท่ากับเป็นการสอนให้ลูกได้ซึมซับความสุขสงบจากธรรมชาติ จากสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน
ดูจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ความเรียบง่ายเหล่านี้จะทำให้เด็กได้ซึมซับและเรียนรู้การการค้นพบความสุขจากด้านในของจิตใจ
สาม - เล่น = ความสุข
การให้ลูกได้วิ่งเล่น ได้ออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเล่นนอกบ้าน หรือเล่นของเล่น เด็กก็สามารถมีความสุขได้มากมาย เพราะการเล่นของเด็กทำให้เด็กได้เรียนรู้ ได้รับความสุข บางครั้งก็เล่นบทบาทสมมติ การเล่นของเด็กก็คืองานชนิดหนึ่ง
แต่ด้วยค่านิยมคลาดเคลื่อนของผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่มองว่าการเล่นเป็นเรื่องไร้สาระ หรือต้องเล่นเพื่อพัฒนาสมองอย่างเดียว โดยมีเป้าหมายอยากให้ลูกเก่ง ก็จะทำให้การเล่นกลายเป็นเรื่องไม่มีความสุขไปได้
สี่ - เรียนรู้อย่างมีความสุข
ตราบใดที่เป้าหมายการเรียนรู้ของเด็ก คือ การเรียนเก่ง การแข่งขันทางด้านการศึกษา ทางวิชาการอย่างเดียว ก็ยากที่เด็กจะได้มีความสุขจากการเรียนรู้ ตรงกันข้าม เด็กก็จะเต็มไปด้วยสภาพความเครียด เพราะต้องมุ่งไปที่การแข่งขัน และทำตามความคาดหวังของคนเป็นพ่อแม่มากกว่า
แต่ต้องให้เด็กได้เรียนรู้จักโลกภายนอกห้องเรียน และเรียนรู้ทักษะชีวิตอื่นๆ อย่างรอบด้าน และการเรียนรู้ ในด้านอื่นๆ เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้รู้จักตัวเอง ว่าตนเองถนัดสิ่งใด ทำอะไรได้ดี และมีความสุขในการทำสิ่งใด
ห้า - ความสุขหล่อหลอมจากความรัก
สร้างความสุขจากความรักความอบอุ่นของครอบครัว เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง การเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดให้ความรัก ให้ความอบอุ่น เด็กที่อยู่ท่ามกลางครอบครัวที่มีความสุขจะมีความภาคภูมิใจในตนเอง จะเกิดความรู้สึกมั่นคง และความรู้สึกมั่นคงทางอารมณ์จะทำให้เด็กมีความสุข และพร้อมที่จะพัฒนาตนเอง
หก - ความสุขจากการคิดบวก
การมองโลกในแง่ดีเป็นจุดเริ่มต้นของความสุข เพราะเด็กที่มองโลกในแง่ดีมักจะประสบความสำเร็จมากกว่าเด็กที่มองโลกในแง่ลบ ทำให้เด็กพร้อมที่จะปรับตัว พร้อมที่จะเผชิญสิ่งรอบตัวใหม่ๆ
ความจริงนอกจากจะฝึกให้ลูกมีความสุขแบบเด็กๆ แล้ว ผู้ใหญ่อย่างเราก็ควรหวลไปหาความสุขแบบเด็กๆ บ้าง ก็จะดีไม่น้อย
บางทีเราจะพบได้ว่าความสุขไม่ได้ไกลเกินเอื้อม หากแต่อยู่ใกล้ตัวรอบตัวนี่เอง