รศ.ดร.ภญ.นุศราพร เกษสมบูรณ์
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ภาวะออติสซึมเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กทั่วโลก การเจ็บป่วยเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับการได้รับสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืชหรือไม่ ในขณะที่เด็กมีสรีรวิทยา การดูดซึม การย่อย และกลไกทำลายสารพิษที่แตกต่างจากผู้ใหญ่ ขนาดของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ได้รับจะคิดเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำหนัก จึงทำให้ผลกระทบต่อสุขภาพมีมากกว่า โดยเฉพาะผลกระทบด้านพัฒนาการและการทำงานของสมอง
การศึกษาที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยติดตามมารดาที่ตั้งครรภ์และเด็กที่คลอดออกมา จำนวน 1,600 คน เป็นเวลานาน 10 ปี พบว่า มารดาที่อาศัยอยู่ภายในระยะห่าง 1 กิโลเมตร จากแปลงเกษตรที่มีการฉีดพ่นสารเคมีฯ มีความเสี่ยงที่ลูกจะเป็นโรคออติสซึมมากกว่าคนที่อาศัยอยู่ห่างไกลออกไปมากถึงร้อยละ 60 (http://bit.ly/2qrBQ2W)
มีการศึกษาอีกหลายงานที่ค้นพบเช่นเดียวกันว่า การได้รับสัมผัสสารเคมีของมารดาในขณะตั้งครรภ์ทำให้ลูกที่เกิดมามีความผิดของพัฒนาการทางสมอง เชาวน์ปัญญา การเคลื่อนไหว อาการสั่น ความผิดปกติทางอารมณ์ โรคสมาธิสั้น และการเป็นโรคออติสซึม (http://bit.ly/2piynGe และ http://bit.ly/2piwARs)
นักวิจัยแห่งสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT อธิบายว่า โรคนี้สัมพันธ์กับสารเคมีกำจัดวัชพืช โดยเฉพาะไกลโฟเสท เพราะสารเคมีตัวนี้จะไปทำลายจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในลำไส้ ทำให้การสร้างสารสื่อประสาทในลำไส้ลดน้อยลง ทำให้การทำงานของสมองบกพร่อง อีกกลไกหนึ่งคือสารเคมีตัวนี้จะไปจับกับแร่ธาตุหรือเกลือแร่ที่มีประโยชน์ต่อการทำงานของสมอง เช่น แมงกานิส ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของไมโตคอนเดรีย ทำให้การสร้างพลังงานของเซลล์เสียหาย อีกทั้งยังไปรบกวนการทำงานของต่อมใต้สมอง ทำให้ฮอร์โมนธัยรอยด์ต่ำ ซึ่งแม่ที่มีภาวะฮอร์โมนธัยรอยด์ต่ำ มีความเสี่ยงที่ลูกจะเป็นโรคภาวะออติสซึมสูงถึง 4 เท่า และนักวิจัยท่านนี้ยังคาดการณ์ว่า ถ้าอัตราการเพิ่มขึ้นของโรคออติสซึมยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าภายในปี ค.ศ. 2025 เด็กอเมริกันร้อยละ 50 จะเป็นโรคนี้ (http://bit.ly/1RuurWF)
ในประเทศไทย ศ.พรพิมล กองทิพย์ และคณะ ศึกษาเรื่องผลกระทบของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชต่อพัฒนาการทางสมองของเด็กเมื่อปี พ.ศ. 2554 พบว่า การได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชของมารดาในระหว่างการตั้งครรภ์มีผลทำให้พัฒนาการทางสมองของเด็กทารกที่เกิดมาผิดปกติ สัมพันธ์กับระดับสารเคมีที่พบในปัสสาวะของมารดา ยิ่งพบสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมาก เด็กที่เกิดมายิ่งมีปัญหาด้านพัฒนาการทางสมองและในปี พ.ศ. 2559 พบสารเคมีกำจัดวัชพืช ไกลโฟเสท ในสายสะดือของเด็กแรกเกิดในประเทศไทย สูงถึงร้อยละ 49 ของจำนวนเด็กที่ได้รับการตรวจ
ประเทศไทยลงทุนด้านการศึกษาเป็นอันดับหนึ่งสูงสุดมาทุกปี ด้วยความมุ่งหวังว่าจะสร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ สติปัญญาและความสามารถด้านต่างๆ เพื่อสืบทอดภารกิจสำคัญของประเทศชาติในอนาคต แต่ถ้าเราไม่สามารถควบคุมการแพร่กระจายของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างได้ผล เราจะมีแต่เยาวชนที่เป็นภาระมากกว่าเป็นพลัง