องค์กรเด็กและสตรี ออกแถลงการณ์กรณีค้าประเวณีเด็กที่ จ.แม่ฮ่องสอน จี้เร่งคดีเอาผิดจนถึงต้นตอ วอนกระบวนการสอบข้าราชการระดับสูง ต้องโปร่งใส สร้างความเป็นธรรมให้เหยื่อ และสร้างความกระจ่างสังคม
จากกรณีขบวนการล่อลวงและบังคับให้เด็กและเยาวชนหญิงค้าประเวณี จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีข้าราชการตำรวจพัวพันกับการเป็นธุระจัดหา โดยมีการพาดพิงถึงข้าราชการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ว่า เป็นหนึ่งในผู้ซื้อบริการจากการค้าประเวณีเด็กและเยาวชนดังกล่าว แม้ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้มีการจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการล่อลวง บังคับ และเป็นธุระจัดหาในการค้าประเวณีแล้วบางส่วน แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการทางอาญากับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าซื้อประเวณี ขณะที่กระทรวงมหาดไทยได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยผู้ถูกสอบยังคงประจำอยู่ในพื้นที่ และยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดต่อไปตามปกติ
วันนี้ (29 เม.ย.) นางทิชา ณ นคร ผอ.ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกาญจนาภิเษก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว กลุ่มองค์กรด้านเด็กและสตรี อาทิ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม สหทัยมูลนิธิ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก แผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สภาเยาวชนกรุงเทพมหานคร ฯลฯ ขอยืนยันว่า การค้าและการซื้อประเวณีเด็กและเยาวชน ไม่ว่าจะในลักษณะที่เด็กและเยาวชนถูกล่อลวงบังคับหรือไม่ก็ตาม เป็นสิ่งที่สังคมต้องไม่ยอมรับให้เกิดขึ้นโดยปราศจากบทลงโทษที่จริงจังและเข้มงวด เพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นการเอารัดเอาเปรียบ แสวงหาประโยชน์ ล่วงละเมิด และกระทำความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของสังคมไทย ทั้งนี้ โดยอาศัยเหตุจากความเป็นผู้เยาว์ของเด็กและเยาวชนเหล่านั้น จึงเป็นการกระทำที่ผิดทั้งกฎหมายและหลักจริยธรรม ซึ่งเป็นที่ยอมรับร่วมกันในสังคม และเมื่อเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการจับกุม สอบสวน และเอาผิดตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องในทุกมิติอย่างแข็งขัน จริงจัง และโปร่งใส และมีกระบวนการคุ้มครองและเยียวยาเด็ก เยาวชน และครอบครัว ซึ่งเป็นผู้เสียหายให้ปลอดภัยและได้รับความเป็นธรรม
ในการนี้ กลุ่มองค์กรด้านการคุ้มครองเด็กและสตรีขอเรียกร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินคดี เพื่อเอาผิดทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในคดีดังกล่าว ทั้งผู้ที่เป็นธุระจัดหา และผู้ซื้อประเวณีจากเด็กและเยาวชน โดยไม่ชักช้า ทั้งนี้ การซื้อประเวณีเด็กและเยาวชนเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงต้องไม่ละเว้น หรือทอดเวลาในการดำเนินการทางอาญาต่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ซื้อประเวณีจากเด็กและเยาวชน โดยอ้างเหตุว่าหน่วยงานต้นสังกัดของผู้ถูกกล่าวหาได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายในหน่วยงานขึ้นแล้ว
2. ในการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ข้าราชการระดับสูงถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในคดีนี้ สามารถทำคู่ขนานไปกับการดำเนินการทางอาญาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่การตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ไม่ควรเป็นกระบวนการตรวจสอบเฉพาะภายในของหน่วยงานด้วยกันเอง แต่ควรจัดตั้งเป็นคณะกรรมการที่มีบุคคลภายนอก โดยเฉพาะตัวแทนองค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานด้านการคุ้มครองสิทธิเด็กและสตรีเข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย เพื่อความเป็นกลาง โปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เสียหายและคนในสังคม ว่า กระบวนการสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวจะไม่มีการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ถูกกล่าวหา ด้วยเหตุที่ผู้สอบและผู้ถูกสอบเป็นข้าราชการในสังกัดเดียวกัน
3. ในระหว่างที่มีการสอบสวนดำเนินคดี ให้กระทรวงมหาดไทยย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาออกจากการปฏิบัติราชการในพื้นที่เดิม เพื่อลดโอกาสที่ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงจะสามารถใช้อำนาจ หรืออิทธิพลจากตำแหน่งหน้าที่ เข้าไปแทรกแซง หรือขัดขวางกระบวนการทางอาญาและการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่กำลังดำเนินอยู่ ทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นใจว่าพยานผู้เสียหายจะไม่ถูกกดดัน หรือคุกคามด้วยอำนาจ และอิทธิผลตามตำแหน่งหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหา
4. ให้กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องจัดให้มีกระบวนการคุ้มครองพยานผู้เสียหายที่มีประสิทธิภาพ ทั้งพยานที่เป็นเด็ก เยาวชน ครอบครัว และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้ปลอดพ้นจากโอกาสที่อาจถูกข่มขู่ คุกคาม หรือทำร้าย ทั้งนี้ เพื่ออำนวยให้กระบวนการยุติธรรมสามารถดำเนินต่อไปได้จนถึงที่สุด โดยปราศจากการแทรกแซงจากอำนาจหรืออิทธิพลใดๆ