ศูนย์ซูพีเรียฯ เปิดคลินิกแถลง รับของกลางลอบขน “อสุจิ” ข้ามชาติ เป็น “สเปิร์ม” ที่ถอนไปจากคลินิกจริง แจงเจ้าของสเปิร์มชาวจีนและเวียดนามขอถอนออกไปเอง แต่มอบผู้แทนคนเดียวกันมารับไปคนละวัน ย้ำ เจ้าของมีสิทธิตามกฎหมายถอนสเปิร์มได้ ยันไม่ใช่ตัวอ่อน ไม่รู้จักคนถูกจับ แจ้งความแล้ว
วันนี้ (21 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศูนย์ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที. ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก และวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อน นายศรายุธ อัสสมกร กรรมการผู้จัดการศูนย์ซูพีเรียเอ.อาร์.ที.ฯ แถลงข่าวชี้แจงกรณีการลักลอบขนอสุจิข้ามประเทศ หลังปรากฏชื่อมีส่วนเกี่ยวข้อง ว่า ศูนย์ฯ มีการให้คำปรึกษากับคู่สามีภรรยาชาวจีน และคู่สามีภรรยาชาวเวียดนามที่มีการจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย แต่ค่อนข้างมีอายุเยอะ จึงเข้ามาปรึกษาเรื่องการมีบุตรยาก โดยคนไข้มีความประสงค์ทำการเก็บอสุจิ หรือ สเปิร์ม โดยติดต่อเข้ามาด้วยตัวเอง ไม่ได้ติดต่อผ่านใคร ล่าสุด ได้มีการประสานเข้ามาเพื่อขอถอนสเปิร์มออกไป โดยมอบอำนาจให้ผู้แทนชาวไทยเป็นผู้เดินทางมารับมอบสเปิร์มแทน โดยพบว่าผู้แทนที่เข้ามารับสเปิร์มออกไปเป็นคนๆ เดียวกัน แต่มารับออกไปคนละวัน คือ วันที่ 17 เม.ย. และวันที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา
“โดยปกติทางศูนย์มีบริการรับฝากสเปิร์ม ฝากไข่อยู่แล้ว แต่ละวันมีทั้งคนที่มาฝาก และมาถอนออกไป ซึ่งการถอนออกไปถือเป็นสิทธิตามกฎหมายของเจ้าของสเปิร์มที่จะเอาออกไป ถ้าทางศูนย์ฯ ไม่ให้ก็จะมีความผิดฐานลักทรัพย์ แต่ก่อนจะเอาออกไป ต้องมีการตรวจสอบเอกสารหลายอย่างเพื่อยืนยันตัวตนอยู่แล้ว ส่วนกรณีดังกล่าวเจ้าของสเปิร์มไม่ได้แจ้งว่าจะนำสเปิร์มดังกล่าวไปให้กับคลินิกใดเป็นผู้ดำเนินการช่วยเหลือเรื่องการมีบุตรยาก แต่ทางศูนย์ฯ ก็ได้แจ้งให้ทราบแล้วว่าจะนำไปที่ใดก็ได้ แต่ไม่สามารถนำออกนอกประเทศได้ เพราะผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ยืนยันว่าที่เบิกออกไปจากศูนย์ฯ คือสเปิร์ม ไม่ใช่ตัวอ่อน และเป็นสเปิร์มของเขาเองไม่ได้มีการซื้อขาย” นายศรายุธ กล่าว
นายศรายุธ กล่าวว่า ที่ผ่านมา การถอนสเปิร์มออกไปนั้น ก็มีการใช้ผู้แทนมาถอนออกไปบ่อยเหมือนกัน ทั้งนี้ ยืนยันว่า ศูนย์ฯ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับผู้ที่ถูกจับกุมตามที่ปรากฏในข่าว เนื่องจากทางศูนย์ฯ มีนโยบายชัดเจนว่าจะไม่มีการขนส่งสเปิร์ม และไม่มีการแนะนำบริษัทรับขนส่งให้ ทั้งนี้ ถังสีเงินที่บรรจุหลอดสเปิร์มนั้นไม่ใช่ของศูนย์ฯ แต่เป็นของผู้ขนส่งเอง แต่ที่เห็นปรากฏชื่อของศูนย์ฯ ในหลอดบรรจุสเปิร์มที่จับได้นั้น ก็เป็นของศูนย์ฯ จริง ซึ่งต้องทำเช่นนั้นเพื่อให้ทราบที่มาที่ไปของสเปิร์ม นี่คือความบริสุทธิ์ใจ เนื่องจากศูนย์ฯ ถูกพาดพิงจึงจะทำการแจ้งความผู้เคลื่อนย้ายอีกครั้งหนึ่ง