สบส. เร่งสอบ “คลินิก” พัวพันขน “ถังอสุจิ” ข้ามแดน หากมีส่วนเกี่ยวข้องจริงผิดทั้ง พ.ร.บ. อุ้มบุญ และ พ.ร.บ. สถานพยาบาล
จากกรณีศุลกากรหนองคาย และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) หนองคาย ร่วมกันสอบสวนจับกุม นายนิธินนทน์ ศรีธานิยานันท์ พร้อมด้วย ของกลางถังไนโตรเจน 1 ถัง ซึ่งภายในบรรจุหลอดใส่อสุจิ 6 หลอด ของบุคคล 2 คน ที่อ้างว่าเป็นของคนสัญชาติจีน และเวียดนาม โดยมีเอกสารจากสถาบันการแพทย์มาแสดงด้วย โดยให้การว่านำมาจากคลินิก 4 แห่ง ใน กทม. และจะนำไปยังคลินิกเอกชนที่เวียงจันทร์ สปป.ลาว ซึ่งเบื้องต้นแจ้งว่าเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558
วันนี้ (20 เม.ย.) นพ.วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า แม้ผู้หิ้วรายนี้จะสารภาพว่าสิ่งที่ขนคืออสุจิ แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบของกลางดังกล่าวก่อนว่าใช่อสุจิจริงหรือไม่ ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นอสุจิจริง ก็ต้องแจ้งให้พนักงานสอบสวนเอาผิดตามมาตรา 41 พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 หรือ พ.ร.บ. อุ้มบุญ ที่กำหนดว่า ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อ เสนอซื้อ ขาย นําเข้า หรือส่งออก ซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนจะมีคลินิกหรือเอเจนซีเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ก็ต้องเป็นเรื่องของกระบวนการที่พนักงานสอบสวนจะดำเนินการต่อ ซึ่งหากผู้ว่าจ้างยอมรับสารภาพก็สามารถดำเนินการเอาผิดได้เช่นกัน ทั้งนี้ จะให้ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดี สบส. พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีคลินิกที่เกี่ยวข้องกี่แห่ง อย่างไรบ้าง หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจะมีความผิดตาม พ.ร.บ. อุ้มบุญ และ พ.ร.บ. สถานพยาบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559
ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ สบส. กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นในรายชื่อ 4 คลินิกตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น พบว่า มีบางแห่งยังมีปัญหาเรื่องร้องเรียนการเกี่ยวกับการทำอุ้มบุญมาก่อนด้วย เรื่องยังอยู่ที่แพทยสภาอยู่เลย