ร่าง พ.ร.บ.สสส. ปรับสัดส่วนบอร์ดใหม่ ตัดตำแหน่งรองประธานคนที่ 2 ออก หึ่ง! ลดอำนาจจากกลุ่มคน สสส. ลง แต่พบยังเปิดรับผู้สมัครรองประธานคนที่ 2 พร้อมกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 8 ด้านตามปกติ ก่อนหมดวาระ ส.ค. นี้ สธ. ชี้ ร่าง พ.ร.บ. ยังกำหนดเบิกจ่ายงบ สสส. เป็นอำนาจบอร์ด แต่ต้องเสนอ ก.คลัง ทราบเพื่อการวัดผลงาน จ่อเสนอข้อสรุปประชาพิจารณ์ถึง รมว.สธ. เร็วๆ นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแก้ไขร่าง พ.ร.บ. กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... หรือ ร่าง พ.ร.บ.สสส. ซึ่งมีทั้งหมด 16 ประเด็น โดยมีการทำประชาพิจารณ์ไปเมื่อวันที่ 31 มี.ค. และ 3 เม.ย. 2560 ที่ผ่านมา ประเด็นที่ค่อนข้างมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในการทำประชาพิจารณ์ นอกจากเรื่องการตั้งเพดานกองทุนไม่เกิน 4 พันล้านบาทต่อปีแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องการดำเนินงานของกองทุนให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานประจำปี โดยให้ใช้รูปแบบที่กระทรวงการคลังกำหนด ซึ่งต้องเสนอคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (บอร์ด สสส.) อย่างน้อย 60 วันก่อนวันเริ่มต้นปีบัญชี และกระทรวงการคลังอย่างน้อย 30 วันก่อนวันเริ่มต้นปีบัญชี เพื่อให้ประกอบการกำกับดูแล บริหาร และติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน และการเบิกจ่ายเงินของกองทุนให้เป็นไปตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการแก้ไของค์ประกอบของบอร์ด สสส. โดยมีการยกเลิกรองประธานกองทุน สสส. คนที่ 2 ซึ่งเลือกมาจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ทำให้เหลือเพียงรองประธานกองทุน สสส. คนที่ 1 ซึ่งโดยตำแหน่งคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพียงคนเดียวเท่านั้น ขณะที่กรรมการโดยตำแหน่งพบว่ามีการตัดสัดส่วนของผู้แทนกระทรวงคมนาคม ทั้งที่ สสส. มีการดำเนินงานในส่วนของการลดอุบัติเหตุ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกับกระทรวงการคลัง โดยมีการเพิ่มผู้แทนสภาวิชาชีพด้านการแพทย์และการสาธารณสุข 2 คนแทน ทำให้เกิดข้อกังวลว่าจะเป็นดึงการบริหารงบประมาณของ สสส. กลับไปที่กระทรวงการคลังหรือไม่ รวมถึงเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเพื่อลดอำนาจของกลุ่มคนใน สสส. ลง
นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสรุปข้อเสนอและความเห็นต่างๆ จากการทำประชาพิจารณ์ทั้ง 2 ครั้ง เพื่อเสนอต่อ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และเสนอต่อที่ประชุม 3 กระทรวง คือ กระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และ กระทรวงสาธารณสุข ว่า จะมีการปรับแก้เพิ่มเติมในส่วนใดหรือไม่ โดยยึดหลักเกณฑ์ว่าผลกระทบของการแก้ไขกฎหมายต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในแง่ลบ หรือทำให้การทำงานของ สสส. ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สะดวก เป็นต้น
เมื่อถามถึงข้อกังวลจากหลายฝ่ายว่าการเบิกจ่ายงบประมาณ สสส. จะกลับไปอยู่ที่กระทรวงการคลัง นพ.มรุต กล่าวว่า ตามร่างกฎหมายยืนยันว่า การเบิกจ่ายงบประมาณของ สสส. ยังอยู่ที่บอร์ด สสส. เช่นเดิม เพียงแต่จะต้องทำแผนการดำเนินงานในแต่ละปีเสนอต่อการทรวงการคลัง ว่า ปีนี้มีการแผนการใช้งบประมาณอย่างไร ทำงานอย่างไร และจะวัดประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงานอย่างไรได้บ้าง ยกตัวอย่าง โครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน ก็ต้องชัดเจนว่าปีแรก ปีที่สอง ปีที่สามใช้งบเท่าไร แต่ละปีทำอะไรบ้าง โดยเสนอมาให้ทราบคร่าวๆ ซึ่งการดำเนินการจริงอาจปรับเปลี่ยนก็ได้
นพ.มรุต กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงการคลังจะไม่ทราบเลย เลยเป็นประเด็นที่กระทรวงการคลัง หรือสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไม่สบายใจ จึงเป็นที่มาของการปรับแก้กฎหมาย โดยยืนยันว่า ไม่ได้ดึงงบกลับมาที่กระทรวงการคลัง ซึ่งข้อเสนอต่างๆ ในการปรับแก้ประเด็นนี้ก็ต้องอยู่ที่การกิจารณาของที่ประชุม 3 กระทรวงว่าจะมีการปรับแก้อีกหรือไม่ ซึ่งหากมีการปรับแก้ใหม่ก็อาจต้องมีการทำประชาพิจารณ์อีกหรือไม่ ส่วนสัดส่วนของกรรมการบอร์ด สสส. อย่างตัวแทนกระทรวงคมนาคม ซึ่งหากมองว่าขาดก็สามารถเสนอเติมเข้ามาได้ ซึ่งไม่ค่อยเป็นประเด็นขัดแย้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ร่าง พ.ร.บ.สสส. จะตัดส่วนของรองประธานกรรมการคนที่ 2 แต่พบว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สสส. ได้ประกาศรับสมัครเข้ารับคัดเลือกเป็นคณะกรรมการชุดใหม่ แทนคณะกรรมการชุดเก่าที่จะหมดวาระลงใน ส.ค. 2560 ซึ่งมีจำนวน 9 ตำแหน่ง คือ รองประธานกรรมการคนที่ 2 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ด้านการพัฒนาชุมชน ด้านการสื่อสารมวลชน ด้านการศึกษา ด้านการกีฬา ด้านศิลปวัฒนธรรม ด้านกฎหมาย และด้านการบริหาร โดยสามารถส่งใบสมัครได้ระหว่างวันที่ 18 เม.ย.- 1 พ.ค. 2560
