จากวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของเทศกาลสงกรานต์ ทั้งการรดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่ กลายเป็นปาร์ตี้ยามค่ำคืนที่ต้องออกไปตามสถานบันเทิง ดื่มเหล้าจิบเบียร์ท่ามกลางดนตรี สายน้ำ และคอนเสิร์ต แน่นอนว่า บรรยากาศเช่นนี้ย่อมสร้างความสนุกสนานให้เกิดขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจไม่สนุกด้วย เพราะ “ความเมา” กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นำมาซึ่งอุบัติเหตุทางท้องถนน และทะเลาะวิวาท ที่ทำให้ถึงขั้นบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิตได้รวมไปถึงปัญหาการลวนลามทางเพศที่ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย
หลายคนที่เที่ยวสงกรานต์จึงเริ่มถามหาถึงความปลอดภัย ซึ่งขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทยเริ่มหันมาจัดงานสงกรานต์ปลอดเหล้ามากขึ้น เพียงแต่บางคนยังสงสัยอยู่ว่า พื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้าจะสนุกเท่างานแอลกอฮอล์จริงหรือ?
เรื่องนี้ นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ในฐานะที่จัดงานสงกรานต์ปลอดเหล้าถนนข้าวเหนียวมานานถึง 14 ปี ขอคอนเฟิร์มเลยว่า สนุกจริงโดยไม่ต้องมีแอลกอฮอล์เลย
“จริงๆ แล้วเป็นเรื่องของความเชื่อว่า เล่นน้ำสงกรานต์ต้องมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึงจะสนุกสนาน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เพราะยิ่งมีเหล้าเบียร์ก็ยิ่งเกิดอุบัติเหตุทางถนนมากขึ้น บ้างก็เกิดการทะเลาะวิวาท มีคนเจ็บตาย การจัดงานสงกรานต์ที่ถนนข้าวเหนียวจึงหันมาจัดงานแบบปลอดเหล้า เพื่อให้เป็นพื้นที่เล่นน้ำที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุด และยิ่งพื้นที่ใดที่จัดงานแบบปลอดเหล้าก็ยิ่งได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวก็ยิ่งเป็นการโปรโมตคนก็มาเที่ยวมากขึ้น โดยจากสถิติจะพบว่า มีผู้ที่มาเที่ยวงานสงกรานต์ที่ถนนข้าวเหนียวเฉลี่ยปีละประมาณกว่า 4 แสนคน ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนได้อย่างดีว่า ถ้าไม่สนุกจริง ไม่ปลอดภัยจริง คนจะไม่มาร่วมงานเยอะมากขนาดนี้” นายธีระศักดิ์ กล่าว
นายธีระศักดิ์ กล่าวว่า การจัดงานของถนนข้าวเหนียวก็จะเน้นวัฒนธรรม เช่น มีเวทีหมอลำปลอดแอลกอฮอล์ ซึ่งก็สามารถสร้างความสนุกสนานให้แก่ผู้คนได้ อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 จากการทำงานร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภาคีเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ภาคีเครือข่ายภาคประชาชน องค์กรเอกชนที่ต่างร่วมใจกันงดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อขับเคลื่อนพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้าอำเภอละ 1 แห่งได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นจึงสามารถประกาศให้ จ.ขอนแก่น เป็นจังหวัดแรกที่สามารถจัดงานสงกรานต์ปลอดเหล้าได้ทุกพื้นที่คือ 26 พื้นที่ตามจำนวนอำเภอ
ขณะที่ “ถนนข้าวทิพย์” จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า นางสุกานดา สุทธิพัฒนกุล นายกเทศมนตรีเมืองจันทบุรี ในฐานะแม่งานจัดพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้าถนนข้าวทิพย์ในทุกปี เปิดเผยว่า ก่อนจัดพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้าก็จะมีการลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ บนถนนข้าวทิพย์ก่อน ว่าของดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อจัดให้ถนนข้าวทิพย์เป้นพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า โดยช่วงปีแรกๆ ของการจัดกิจกรรม ก็ยังไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากร้านค้าผู้ประกอบการในพื้นที่ถนนข้าวทิพย์นัก คือยังมีการละเมิดบ้างหรือแอบขายบ้างในช่วง 1 - 2 ปีแรกๆ แต่ก็อาศัยการดำเนินการที่จริงจังในการตรวจเข้มและเอาผิด จนช่วงปีที่ 3 - 4 เขาก็จะเริ่มรับทราบกันแล้วว่าพอถึงช่วงเทศกาลก็งดจำหน่าย ซึ่งทุกวันนี้ก็สามารถจัดพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้าได้ 100%
“การจัดพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้าต้องอาศัยระยะเวลาในการทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ ซึ่งเมื่อผู้ประกอบการให้ความร่วมมือก็สามารถจัดกิจกรรมปลอดเหล้าอย่างแท้จริงได้ นอกจากนี้ ก็ยังคงมาตรการตรวจเข้มอยู่ไม่ให้มีการนำสุรา เครื่องดื่มมึนเมาเข้ามาในพื้นที่ โดยร่วมกับทั้งทางภาคีเครือข่ายและ สสส. ทั้งนี้ ยืนยันว่า การเล่นน้ำโดยไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็สามารถสนุกได้ พิสูจน์ได้จากที่การจัดกิจกรรมของถนนข้าวทิพย์ที่มีคนมาร่วมงานเต็มพื้นที่ในทุกปี ทั้งที่ก็ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งกิจกรรมภายในถนนข้าวทิพย์ก็จะมีการจัดขบวนแห่สงกรานต์ มีเวทีกิจกรรมแสดงดนตรีโดยนักเรียนในพื้นที่ เป็นต้น” นางสุกานดา กล่าว
ด้านพื้นที่ท่องเที่ยวอย่าง จ.ภูเก็ต กับการจัดงาน “สงกรานต์โนแอลกอฮอล์ภูเก็ต” ณ หลาดปล่อยของ ซึ่งปีนี้จัดเป็นปีที่ 5 โดยความร่วมมือของภาคเอกชน นางพาณี โกยสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าไลม์ไทม์อเวนิวภูเก็ต และเจ้าของโครงการหลาดปล่อยของ สะท้อนถึงการจัดงานสงกรานต์โนแอล ว่า ที่ตั้งใจจัดงานสงกรานต์แบบปราศจากเครื่องดิ่มแอลกอฮอล์ เพราะเห็นความสำคัญของอันตรายจากอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงจัดงานดังกล่าวขึ้นตั้งแต่ปี 2555 เพื่อตอบสนองเยาวชนคนรุ่นใหม่ ทั้งชาวภูเก็ตท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวได้มีสถานที่เล่นน้ำสงกรานต์อย่างสนุกสนานตามวิถีไทยและปลอดภัย ซึ่งตนไม่ได้กังวลเลยว่าการจัดงานโดยไม่มีแอลกอฮอล์จะทำให้คนมาเที่ยวน้อยลง หรือขาดรายได้ เพราะพิสูจน์แล้วว่าการจัดงานเช่นนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก มีคนสนใจมากจึงทำให้จัดงานได้อย่างต่อเนื่องทุกปี และจะจัดเช่นนี้ต่อไป เพื่อสนับสนุนภาครัฐในการไม่ดื่มแอลกอฮอล์
“การจัดงานจะเน้นความปลอดภัยความเป็นระเบียบเรียบร้อย การแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ไม่สวมเสื้อผ้าล่อแหลม โดยมีตำนรวจช่วยตรวจตราการห้ามจำหน่ายและห้ามดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ สิ่งเสพติด และอาวุธเข้ามาบริเวณงาน ส่วนการเล่นน้ำจะห้ามเล่นน้ำที่มีสิ่งเจือปน แป้ง น้ำแข็ง และโฟม ห้ามใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง หรืออุปกรณ์เล่นน้ำที่อาจก่อให้เกิดอันตราย” นางพาณี กล่าว
ส่วนงานสงกรานต์ปลอดเหล้าที่ถือว่าจัดได้ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งใน กทม. อย่าง สงกรานต์ปลอดเหล้าลานหน้าห้างสรรพสินค้า “เซ็นทรัลเวิลด์” ที่เป็นแหล่งรวมตัววัยรุ่น และนักท่องเที่ยว ก็เป็นอีกสถานที่ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จกับการจัดกิจกรรมสงกรานต์ปลอดเหล้าปลอดภัย โดย นายโชคดี วิศาลสิงห์ ในฐานะผู้จัดงานสงกรานต์โนแอลกอฮอล์ลานเซ็นทรัลเวิลด์ กล่าวว่า การจัดงานสงกรานต์ที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์จะเน้นความเป็นวิถีไทย วัฒนธรรมไทย กิจกรรมก็จะออกแนวคล้ายงานวัดที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมประเพณีที่ดีของไทย การเล่นสงกรานต์แบบปลอดภัย โดยยึดนโยบาย 5 ป คือ ปลอดโป๊ ปลอดเหล้า ปลอดแป้ง ปลอดปืนฉีดน้ำแรงดันสูง และประหยัดน้ำ ซึ่งในการจัดงานก็จะมีการทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการหรือผู้ที่จะมาร่วมจัดงานในพื้นที่ว่าธีมงานของเราเป็นเช่นนี้ ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี รวมไปถึงหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน สสส. เครือข่ายภาคประชาสังคมก็มาช่วยกันจัดงาน
“การจัดงานที่เน้นความเป็นไทย และมีความปลอดภัยเช่นนี้ จะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้แก่งานเทศกาลสงกรานต์ เพื่อลบล้างภาพลักษณ์แบบเดิมๆ ที่จะต้องเล่นน้ำกันอย่างรุนแรง ปะแป้ง เมาเหล้า ลวนลาม แต่งโป๊ ซึ่งผิดไปจากประเพณีไทยแต่เดิม ซึ่งหากหลายๆ พื้นที่จัดงานลักษณะเช่นนี้ก็จะช่วยเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเทศกาลาสงกรานต์ทั้งต่อเยาวชนไทยและนักท่องเที่ยวให้เข้าใจประเพณีไทยที่ถูกต้อง ซึ่งงานที่ลานเซ็นทรัลเวิลด์ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะมีผู้เข้าร่วมงานเยอะมาก โดยส่วนใหญ่ก็จะเป้นแนวครอบครัวที่เห็นว่าการจัดงานที่นี่มีความปลอดภัยก็จะมาร่วมงานกันมาก” นายโชคดี กล่าว
ด้าน ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า แม้ปีนี้งบสนับสนุนการจัดพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้าจะลดลง แต่แต่ละพื้นที่ก็พยายามดำเนินการคงสภาพของการจัดงานพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้าไว้ โดยร่วมมือกับภาคเอกชนที่อาจจะลงทุนมากขึ้น แต่ตรงนี้สะท้อนได้ว่าแต่ละฝ่านเริ่มมีความเข้าใจในความสำคัญของการจัดโซนนิ่งเล่นน้ำปลอดเหล้ามากขึ้น ซึ่งแม้จะไม่ได้ก่อผลลัพธ์ในเรื่องการลดอุบัติเหตุได้มากนัก แต่ช่วยลดปัญหาเรื่องการคุกคามทางเพศ การทะเลาะวิวาท และความปลอดภัยในเรื่องเหล่านี้ลงได้มาก ซึ่งจะมีการผลักดันให้การจัดพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้าเป็นภารกิจปกติของกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อให้เทศกาลสงดกรานต์เป็นประเพณีไทยที่มีการเล่นน้ำอย่างเหมาะสมตามวิถีไทยและปลอดภัยในที่สุด


