สธ. พร้อมช่วยตำรวจเจาะเลือดตรวจแอลกอฮอล์ “คนขับรถเกิดอุบัติเหตุ” ยึดตามกฎหมายใหม่ อายุไม่เกิน 20 ปี เจอแอลกอฮอล์เกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่าเมา ต้องเอาผิดร้านค้าจำหน่ายสุราด้วย
วันนี้ (11 เม.ย.) นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในการตรวจเลือดวัดระดับแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุจราจรเป็นครั้งแรก เพื่อนำผลที่ได้มาใช้ประกอบในการดำเนินคดี ว่า ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่มีการสั่งการลงมากำชับให้มีการเอาจริงเอาจังในการตรวจเลือด และที่แตกต่างจากของเดิม คือ มีการลดระดับปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดไม่เกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ในกลุ่มเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี ถ้าตรวจเจอในเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ถือว่าเมาสุรา ต้องติดตามเอาผิดไปยังร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ตรงนี้ก็จะทำให้การดำเนินคดีความต่างๆ ชัดเจนด้วย เพราะเมื่อขึ้นศาลต้องใช้ผลตรวจระดับแอลกอฮอล์จากเลือด ส่วนบุคคลทั่วไปก็ใช้กำหนดเดิมคือ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
“ส่วนที่จะเจาะเลือดใครบ้างนั้นต้องแล้วแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งเรื่องมา ส่วนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสามารถเจาะเลือดตรวจได้ทุกแห่ง หากมีทีมอยู่ใกล้เคียงก็สามารถทำการเจาะเลือด ณ จุดเกิดเหตุได้ หรือส่งตัวมาที่สถานพยาบาลเพื่อเจาะเลือดก็ได้ เมื่อเจาะแล้วก็ส่งไปตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ยิ่งตรวจได้เร็วก็ยิ่งดี ถ้าปล่อยไว้นานก็ตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ได้ยาก เบื้องต้นคิดว่าน่าจะใช้งบประมาณ 6 - 7 ล้านบาท ในการตรวจเลือดช่วง 7 วันอันตราย” ปลัด สธ. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา มักเจอปัญหาอ้างสิทธิ ไม่ยอมให้เจาะเลือดตรวจแอลกอฮอล์ นพ.โสภณ กล่าวว่า คุณทำผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าผิดพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจหรือไม่ ถ้าคุณไม่เมา ไม่ทำผิดกฎหมายพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจหรือไม่ ที่อยากบอกคือครั้งนี้รัฐบาลส่งสัญญาณว่าเอาจริง เชื่อว่าจะช่วยลดอุบัติเหตุท้องถนนได้