“หมอประกิต” เผยงานวิจัยสหรัฐฯ พบสูบ “บุหรี่ไฟฟ้า” เพิ่มความเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจตายถึง 42% เหตุผสมสารที่ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจเพียบ ทั้ง นิโคติน ออกซิแดนท์ แอลดีไฮด์ สารปรุงแต่งกลิ่น ส่งผลเร่งการแข็งตัวของเส้นเลือด ทำกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ขณะนี้มีรายงานการวิจัยที่พบว่า การใช้ “บุหรี่ไฟฟ้า” เพิ่มความเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจตายถึง 42% โดยรายงานดังกล่าวเปิดเผยโดยนักวิจัย นาร์ดอส เทเมสเจน และคณะ จากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลการสำรวจสุขภาพระดับประเทศ ปี 2557 ในกลุ่มตัวอย่าง 35,156 ราย ถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น อายุ เพศ น้ำหนักมวลกาย รายได้ ความดันสูง เบาหวาน ไขมันเลือดสูง การสูบบุหรี่ และการสูบบุหรี่ไฟฟ้ากับการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial infarction)
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า ผลการวิเคราะห์พบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้า เพิ่มความเสี่ยงการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย 42% โดยไม่เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ขณะที่ การสูบบุหรี่ทุกวัน ความเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจตายเพิ่มขึ้น 175% สูบเป็นครั้งคราวความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 139% ความดันโลหิตสูงความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 172% ไขมันในเลือดสูง 119% และเบาหวานความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 68%
“ขณะที่รายงานการทบทวนงานวิจัยที่มีการตีพิมพ์แล้ว พบว่า การสูบบุหรี่ซิกาแรต และการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้เกิดอนุมูลอิสระและทำให้เกิดความผิดปกติของเยื่อบุเส้นเลือด แม้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้เกิดความผิดปกติที่รุนแรงน้อยกว่าก็ตาม ทั้งนี้ ควันบุหรี่ไฟฟ้าประกอบด้วยสารที่สามารถส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ ได้แก่ สารนิโคติน สารออกซิแดนท์ ละอองฝอยขนาดเล็ก แอลดีไฮด์ และสารที่ปรุงแต่งกลิ่นรส ซึ่งมีหลักฐานว่า สารเหล่านี้ เร่งการแข็งตัวของเส้นเลือด นำไปสู่การเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ การเลิกสูบบุหรี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจอยู่แล้ว” ศ.นพ.ประกิต กล่าว