MGR Online - ผู้ว่าฯ กทม.และคณะ หารือกับ ผู้บริหารมณฑลซานตง กระชับความสัมพันธ์ด้าน การศึกษา การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การลงทุนและการท่องเที่ยว เผย มีศักยภาพสูง เพราะมีประชากรแตะ 100 ล้าน จีดีพีติดสามอันดับแรกของจีน นิยมไปเที่ยวเมืองไทย พร้อมเซ็นเอ็มโอยูร่วมมือระหว่างกัน
วานนี้ (22 มี.ค.) ที่โรงแรมซานตง เมืองจี่หนาน มณฑลซานตง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะ ได้พบปะหารืออย่างเป็นทางการกับ นายซุน เหว่ย รักษาการผู้ว่าการมณฑลซานตง ประเทศจีน เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานคร และ มณฑลซานตง โดยมีพิธีการลงนามความร่วมมือระหว่างกันในด้านการศึกษา ด้านวัฒนธรรม และ ด้านการท่องเที่ยว
นายซุน รักษาการผู้ว่าการมณฑลซานตง ระบุว่า มณฑลซานตงเป็นมณฑลใหญ่ที่มีศักยภาพสูงของจีน ทั้งทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และประชากร โดยหากคำนวณจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) แล้วติดอยู่ใน 3 อันดับแรกของประเทศจีน โดยในปี 2559 จีดีพีอยู่ที่ 6 ล้านล้านหยวน (ราว 30 ล้านล้านบาท) โดยมีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 7.6 ส่วนการนำเข้า - ส่งออก มีมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านล้านหยวน (ราว 7.5 ล้านล้านบาท) เติบโตประมาณร้อยละ 3.5 มีการลงทุนจากต่างประเทศ 1.15 แสนล้านหยวน (ราว 5.75 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 เป็นต้น ทั้งนี้ เป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจในปัจจุบัน เน้นไปที่การรักษาเสถียรภาพ และสร้างความมั่นคงในการพัฒนาเศรษฐกิจต่อไป
ผู้บริหารระดับสูงของมณฑลซานตง กล่าวต่อว่า ในส่วนการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างมณฑลซานตง กับ ประเทศไทย มีบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยมาลงทุนในมณฑลซานตงคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 35,000 ล้านบาท) นอกจากนี้ ยังมีการตั้งสถานกงสุลใหญ่ของไทย ณ เมืองชิงเต่า ขณะที่ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาของปีนี้ อัตราการนำเข้า-ส่งออก ระหว่างเมืองไทยกับซานตงเพิ่มขึ้น ร้อยละ 44.1 โดยซานตงนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 65.6 แสดงให้เห็นว่าศักยภาพระหว่างกันของทั้งประเทศไทยและมณฑลซานตงนั้นมีสูงมาก
“ปี 2559 มีชาวซานตงไปเที่ยวเมืองไทยประมาณ 320,000 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.9 โดยประเทศไทยเป็นจุดหมายลำดับที่ 4 ของนักท่องเที่ยวชาวซานตง ส่วนคนไทยเดินทางมาเที่ยวซานตงประมาณ 23,000 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3” นายซุน ระบุและว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2556 มีการส่งคณะตัวแทนไปจัดงานที่ กทม. ทั้งงานปีวัฒนธรรมแห่งซานตง งานตรุษจีน งานแสดงศิลปะ ขณะเดียวกัน ในด้านการคมนาคมยังมีการเปิดเที่ยวบิน บินตรงจากซานตงไปยังกรุงเทพมหานครแล้วด้วย โดยสิ่งเหล่านี้ถือเป็นพื้นฐานที่ดีในการกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อที่จะปูทางไปสู่การสถาปนาการเป็นบ้านพี่เมืองน้องกันในอนาคต
“ส่วนของเมืองไทยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายในการพัฒนาประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ส่วนจีน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ก็มีนโยบาย One belt, One Road ซึ่งเน้นการพัฒนาสาธารณูปโภค การสื่อสาร พลังงานทดแทน เขตการค้าเสรีระหว่างประเทศ ซึ่งนโยบายของทั้งสองชาติถือว่าสอดคล้องกัน และหวังว่าจุดเด่นของมณฑลซานตงกับกรุงเทพมหานครน่าจะช่วยส่งเสริมกันและกันได้” รักษาการผู้ว่าการมณฑลซานตง กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ตนเห็นด้วยว่า ทั้งกรุงเทพมหานครและมณฑลซานตงน่าจะยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าทั้งภาครัฐและเอกชนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการวิจัย การศึกษา และพัฒนาทรัพยากรบุคคล นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังอยากจะเรียนรู้และพัฒนาระบบการขนส่งมวลชน การขนส่งสาธารณะจากทางมณฑลซานตง ซึ่งมีโรงงานผลิตรถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า ที่ถือเป็นระดับแนวหน้าของโลก
“สำหรับข้อเสนอเกี่ยวกับความร่วมสองฝ่ายจำนวน 5 - 6 ข้อ ที่ทางมณฑลซานตงเสนอมาในครั้งนี้ ผมจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำงาน ประสานงานความร่วมมือ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่ทางท่านรักษาการผู้ว่าการมณฑลซานตงได้เสนอมา” ผู้ว่าฯ กทม. ระบุ
สำหรับมณฑลซานตง ปัจจุบันมีประชากร 99 ล้านคน โดยในปีนี้จำนวนประชากรน่าจะทะลุ 100 ล้านคน โดยถือเป็นมณฑลที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 2 ของจีน (อันดับที่ 1 คือ มณฑลกวางตุ้งประมาณ 105 ล้านคน และอันดับที่ 3 คือ มณฑลเหอหนาน มีประชากรประมาณ 95 ล้านคน) จึงถือเป็นตลาดของผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่มาก
หลังจากการประชุมหารือในด้านต่างๆ ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง พล.ต.อ.อัศวิน นายพินิจ จารุสมบัติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทยจีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ ได้เป็นตัวแทนฝ่ายไทย เพื่อเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และการศึกษา ระหว่างกรุงเทพมหานคร และ มณฑลซานตง โดย นางชนัญยา จาดชนบท รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ลงนามกับ นายเหมิง ชิงสู ผู้กำกับการสำนักการศึกษามณฑลซานตง ขณะที่ นายวิชัย อรรถนิตย์ รองผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรมกีฬา และการท่องเที่ยว ลงนามกับนายจาง หมิงฉือ รองผู้อำนวยการสำนักการท่องเที่ยวมณฑลซานตง