“หมอประกิต” ชี้ สูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยง “วัณโรค” เหตุบุหรี่ทำหลอดลมอักเสบ ทำลายเนื้อเยื่อปอด ลดความสามารถทำลายเชื้อโรคของปอด ส่งผลผู้ป่วยวัณโรคเสี่ยงตายง่ายขึ้น รักษาวัณโรคหายแล้วเพิ่มโอกาสเป็นซ้ำ
วันนี้ (21 มี.ค.) ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจ กล่าวว่า ประเทศไทยยังมีผู้ป่วยวัณโรคจำนวนมาก โดยเป็น 1 ใน 14 ประเทศ ที่มีปัญหาวัณโรคสูง ทั้งจำนวนผู้ป่วยวัณโรค จำนวนผู้ป่วยวัณโรคที่เชื้อดื้อยา และจำนวนผู้ป่วยวัณโรคในผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี โดยมีจำนวนผู้ป่วยวัณโรคกว่า 1.1 แสนคน ทั้งนี้ จากรายงานของนายแพทย์ใหญ่สหรัฐอเมริกา ประกาศเมื่อปี 2557 ว่า การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงเป็นวัณโรค ผู้ป่วยวัณโรคที่สูบบุหรี่เสียชีวิตมากกว่าผู้ป่วยวัณโรคที่ไม่สูบบุหรี่ และในผู้ป่วยวัณโรคที่รักษาหายแล้ว การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงที่วัณโรคจะกลับมาเป็นใหม่ด้วย
“ที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากการสูบบุหรี่ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดลม และทำลายเนื้อปอด ทำให้ความสามารถในการทำลายเชื้อโรคของปอดมีประสิทธิภาพลดลง ประกอบกับภูมิต้านทานของผู้สูบบุหรี่ลดลง ทำให้ผู้สูบบุหรี่ที่หายใจเอาเชื้อวัณโรคเข้าสู่ปอด เชื้อวัณโรคเกิดการเจริญเติบโตจนกลายเป็นวัณโรคขึ้นได้ ผู้สูบบุหรี่จึงควรที่จะเลิกสูบ เพื่อลดโอกาสเป็นวัณโรค รวมทั้งผู้ป่วยวัณโรคต้องหยุดสูบบุหรี่ เพื่อลดโอกาสเสียชีวิตจากวัณโรค” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า ในโอกาสวันวัณโรคของโลก 24 มี.ค. จึงขอเชิญชวนให้ผู้สูบบุหรี่เลิกสูบบุหรี่ เพื่อลดโอกาสการเกิดวัณโรค นอกจากนี้ ผู้สูบบุหรี่ทั่วไป หากมีอาการไอเรื้อรังมากกว่าสองสัปดาห์ น้ำหนักลด มีไอเสมหะเป็นเลือด มีอาการอ่อนเพลียหรือมีไข้ต่ำๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจให้รู้ว่า เป็นวัณโรคหรือมะเร็งปอดหรือไม่