xs
xsm
sm
md
lg

นี่เมืองไทยหรือพระอาทิตย์!! พบคนป่วยจากอากาศร้อนพุ่งขึ้น ห่วงร้อนจนตาย!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นี่เมืองไทยหรือพระอาทิตย์!! พบคนป่วยจากอากาศร้อนพุ่งสุงขึ้น จากไม่ถึงหลักร้อยคนในปี 56 ทวีขึ้นเกือบ 2,500 คน ในปี 2559 ห่วงเเด็กเล็ก คนแก่ หญิงท้อง ป่วยโรคเรื้อรัง เกษตรกร คนงานก่อสร้าง ทหาร ทำงานกลางแดด เสี่ยงร้อนจนตายได้

นพ.ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน มีอุณหภูมิสูงขึ้น และมีอากาศร้อนอย่างต่อเนื่องในช่วงกลางวัน ซึ่งข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่า ฤดูร้อนของประเทศไทยปีนี้จะมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 35 - 37 องศาเซลเซียส และในช่วงเดือนเมษายนจะร้อนที่สุดอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 42 - 43 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งความร้อนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ตั้งแต่การเจ็บป่วยเล็กน้อยจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยข้อมูลของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคจากความร้อนเพิ่มขึ้นจาก 98 ราย ในปี 2556 เป็น 2,457 ราย ในปี 2559 โดยเฉพาะเดือนเมษายนของทุกปี

นพ.ดนัย กล่าวว่า กลุ่มอาชีพที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือกลุ่มคนงานรับจ้างทั่วไป รองลงมาคือ กลุ่มอาชีพเกษตรกร และกลุ่มนักเรียน ซึ่งโรคที่เกิดจากความร้อนเรียงตามความรุนแรงจากน้อยไปมาก ได้แก่ ผื่นจากความร้อน บวมจากความร้อน ตะคริวจากความร้อน เป็นลมจากความร้อน เพลียแดด และรุนแรงที่สุด คือ โรคลมแดด หรือ ฮีตสโตรก (Heat Stroke) ที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง หากรักษาไม่ทัน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน ผู้ทำงานหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น เกษตรกร คนงานก่อสร้าง นักกรีฑา หรือผู้ที่เล่นกีฬาหนักๆ และทหารเกณฑ์

“ประชาชนควรติดตามสถานการณ์การเตือนภัยจากความร้อนอยู่เสมอ เพื่อป้องกันตนเอง และหลีกเลี่ยงการทำงาน หรือทำกิจกรรมกลางแดดเป็นเวลานานในวันที่อากาศร้อน ควรอยู่ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี หรือสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ ควรดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ โดยไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ หรืออย่างน้อย 2 แก้วต่อชั่วโมง หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน และเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ควรสวมเสื้อผ้าสีอ่อน ไม่หนา น้ำหนักเบา ระบายความร้อนได้ดี สวมหมวกปีกกว้างหรือกางร่ม รวมถึงการใช้โลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไปทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน ควรลดเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเวลา 11.00 - 15.00 น. ควรอาบน้ำหรือเช็ดตัวด้วยผ้าเย็นโดยเฉพาะบริเวณหลังคอใบหน้าหูและข้อพับต่างๆ และไม่ควรเปิดพัดลมจ่อตรงตัวในขณะที่อากาศร้อนจัด เพราะพัดลมจะดูดอากาศร้อนเข้ามาหาตัวเรา ควรตั้งพัดลมให้ห่างจากตัวหรือใช้พัดลมไอน้ำหรือให้นำอ่างใส่น้ำแข็งวางหน้าพัดลมจะช่วยให้อากาศเย็นลงได้ สำหรับเด็กหรือผู้สูงอายุ ไม่ควรทิ้งให้อยู่ในรถที่ปิดสนิท และจอดกลางแดดตามลำพังเป็นเวลานาน อาจทำให้เสียชีวิตได้” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น