สบส. ชี้ จัดโปรโมชันให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยแลกส่งผู้ป่วยฉุกเฉินมารักษา ผิด กม. สถานพยาบาล เร่งสอบ รพ.เอกชนชื่อดังใน 3 วัน ทำผิดจริงหรือไม่
จากกรณีโซเชียลมีเดีย แชร์เรื่อง รพ.เอกชนชื่อดังจัดโปรโมชัน บัตรเติมน้ำมัน คูปองสะสมแต้ม ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัย หากนำผู้ป่วยมาส่งรักษาที่ รพ. โดยมีการจัดห้องพิเศษให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยพักดื่มน้ำชา กาแฟ
นพ.วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สบส. จะส่งเจ้าหน้าที่จากสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ และกองกฎหมาย เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่โรงพยาบาลดังกล่าว ว่า มีการเผยแพร่ข้อความเชิญชวนเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำผู้ป่วยฉุกเฉินไปส่งที่โรงพยาบาลของตนจริงหรือไม่ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยอย่างมาก ผู้ป่วยฉุกเฉินอาจได้รับการช่วยชีวิตและรักษาล่าช้า เพราะเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะไม่นำส่งผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลใกล้ที่สุด แต่เลือกที่จะนำไปส่งที่โรงพยาบาลที่มีการเชิญชวน เพราะหวังจะได้รับคูปองเติมน้ำมันฟรี ซึ่งการดูแลรักษาผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉิน หากถึงมือแพทย์ช้าไปเพียงเสี้ยวนาทีเดียวก็อาจมีอันตรายถึงชีวิต การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการโฆษณาลดแลกแจกแถมและเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้
“กรมฯ จะเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน เพื่อลงโทษโดยเร็ว และเพื่อป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นตามมาในอนาคต ทั้งนี้ หากพบว่าสถานพยาบาลเอกชนแห่งใดมีการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง หรือมีการโฆษณาจัดโปรโมชันลดแลกแจกแถม จะดำเนินการลงโทษตามกฎหมายโดยทันที โดยผู้ดำเนินการจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาท จนกว่าจะระงับการโฆษณา และกรณีที่ลักลอบโฆษณามีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาท จนกว่าจะระงับการโฆษณา” อธิบดี สบส. กล่าว
นพ.วิศิษฎ์ กล่าวว่า ต้องขอเน้นย้ำให้สถานพยาบาลเอกชนทุกแห่งปฏิบัติตามกฎหมาย 2 ฉบับอย่างเคร่งครัด คือ 1. พ.ร.บ.สถานพยาบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 ในมาตรา 38 ที่ว่าด้วยการห้ามโฆษณา โอ้อวด ลด แลก แจก แถม เพื่อชักชวนให้มีผู้มารับบริการจากสถานพยาบาลของตน และ 2. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการโฆษณาสถานพยาบาล ที่กำหนดให้การโฆษณาทุกชนิดในเขตกรุงเทพมหานคร จะต้องขออนุมัติจาก สบส. ก่อน ส่วนสถานพยาบาลที่อยู่ในส่วนภูมิภาคให้ขออนุมัติที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และได้เพิ่มโทษการโฆษณาโอ้อวดให้หนักขึ้นกว่าเดิม