รพ.เอกชนชื่อดังจัดโปรโมชัน กู้ภัยนำส่งคนเจ็บ รับทันทีคูปองสะสมคะแนน บัตรน้ำมัน 250 บาท วิจารณ์หวั่นทำผู้ป่วยวิกฤตไม่ได้ส่งไป รพ. ใกล้สุด ด้านร่วมกตัญญูลั่นไม่อนุญาตให้ทำเช่นนี้
เฟซบุ๊กเพจ “The Mask Rescue หน้ากากกู้ภัย” ได้โพสต์ภาพและข้อความ ระบุว่า โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งมีการเปิดโปรโมชัน ให้อาสากู้ภัยนำผู้ป่วยบาดเจ็บมาส่งที่โรงพยาบาล ก็จะได้รับบัตรสะสมน้ำมัน 250 บาท คูปองสะสมคะแนน ทันที โดยระบุว่า
“ขอบคุณทางโรงพยาบาลที่ดูแลอาสาฯ เป็นอย่างดี เพียงนำส่งมีสิทธิหรือไม่ก็ตาม ผู้ป่วยบาดเจ็บตกลงรักษากับเรา รับทันที บัตรสะสมน้ำมันทันที เรามีการตลาดดูแลท่านกู้ภัยทั้งหลายเป็นอย่างดี พร้อมห้องพิเศษคอยต้อนรับ น้ำร้อนน้ำชากาแฟครบ มาส่งที่เราสิคะ มีสิทธิที่ไหนส่งที่เราก่อน ไม่ต้องวิ่งไกล รับบริการเช็กสิทธิด่วน พร้อมทีมตกลงค่ารักษาทันที ต่อไปใครส่งต้องจับตากันหน่อยละไม่ธรรมดาแน่ๆ แอดสงสัย มูลนิธิรู้เห็นเป็นใจขนาดนั้น หรือที่อาสาฯทำ มีโลโก้ต้นสังกัดเด่นเชียว นี่แอดแค่สงสัยนะ”
จากกรณีดังกล่าวทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมากว่าเหมาะสมหรือไม่ และอาจเกิดปัญหาไม่ได้ส่งผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพราะมีโปรโมชันดึงดูด
นอกจากนี้ ในเพจเฟชบุ๊ก The Mask Rescue หน้ากากกู้ภัย ยังให้คำจำกัดความของการสร้างบุญ โดยหวังผลประโยชน์ ว่า ขบวนการลากบุญ หรือการล่าค่าเคส โดยมีผู้แสดงความคิดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐควรเข้ามาควบคุมและยกเลิกการให้ค่าเคสนำส่งเหล่านี้เสีย
สพฉ.เร่งตรวจสอบ รพ.เอกชน จ่ายคูปองน้ำมันกู้ชีพ
สพฉ. ยันไม่มีส่วนร่วมกับกรณีที่ รพ.เอกชนบางแห่งจ่ายคูปองน้ำมันให้กับเจ้าหน้าที่กู้ชีพนำผู้ป่วยส่ง รพ. ของตนเอง พร้อมเตรียมตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน พร้อมแจงระบบการทำงานสายด่วน 1669 จะนำส่งผู้ป่วยวิกฤตไปยัง รพ. ที่ใกล้ที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยไม่มีค่าใช้จ่าย วอน รพ.เอกชนให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะส่งผลเสียต่อระบบการแพทย์ฉุกเฉิน
ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า คูปองที่มีการใส่โลโก้และตัวการ์ตูนของ สพฉ. เข้าไปด้วย ขอชี้แจงว่า สพฉ. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแจกคูปองดังกล่าว การที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้นำโลโก้ และตัวการ์ตูนของ สพฉ. ไปพิมพ์บนคูปองนั้นเป็นการเข้าข่ายการแอบอ้างที่ส่งผลเสียต่อ สพฉ. ซึ่งฝ่ายกฎหมายของเราจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนและเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เกิดกรณีการแอบอ้างแบบนี้อีก
ร.อ.นพ.อัจฉริยะ กล่าวว่า บุคลากรด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่ทำงานผ่านระบบของสายด่วน 1669 มีมาตรฐานรองรับการทำงานที่เป็นระบบ โดยเจ้าหน้าที่กู้ชีพที่ขึ้นทะเบียนกับ สพฉ. นั้น ผ่านการฝึกฝนที่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะวิธีในการคัดแยกผู้ป่วยและหากพบว่าเป็นผู้ป่วยฉุกวิกฤต เจ้าหน้าที่จะนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีเจ้าหน้าที่ที่ขึ้นทะเบียนกับ สพฉ. จะไม่มีใครนำผู้ป่วยไปส่งให้กับโรงพยาบาลที่จ่ายอามิสสินจ้างในลักษณะดังกล่าว
เมื่อถามเรื่องการค่าส่งเคส ร.อ.นพ.อัจฉริยะ กล่าวว่า สพฉ. มีหลักเกณฑ์ในการจ่ายค่าเคสให้กับบุคลากรด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่ออกปฏิบัติงานในแต่ละครั้งนั้นเป็นเงินที่มาจากกองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนอุดหนุนชดเชยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแพทย์ฉุกเฉินโดยการจ่ายก็จะเป็นไปตามระเบียบ และมีมาตรฐานไม่ได้นั่งโต๊ะแจกจ่ายให้กูชีพทั้งหมด แต่จ่ายให้กับหน่วยแพทย์ที่ขึ้นทะเบียนอยู่ในฐานข้อมูลของ สพฉ.
“หลักเกณฑ์คู่มือแนวทางการจ่ายเงินกองทุนการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อสนับสนุน อุดหนุนหรือชดเชยการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า จะมีการจ่ายเงินอุดหนุนตั้งแต่ 100 - 1,000 บาท ให้กับชุดปฏิบัติการฉุกเฉินที่ปฏิบัติหน้าที่ ขึ้นอยู่กับอาการผู้ป่วยและชุดปฏิบัติการฉุกเฉินว่าเป็นระดับสูง กลาง ต้น หรือเบื้องต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวนี้เมื่อเทียบกับสิ่งที่เจ้าหน้าที่กู้ชีพที่อยู่ในระบบของ 1669 ได้ทำงานด้วยใจและด้วยความมุ่งมั่นโดยไม่หวังผลตอบแทนแล้วสิ่งนั้นยิ่งใหญ่กว่ามาก ดังนั้น ขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจว่าบุคลากรด้านการแพทย์ฉุกเฉินในระบบสายด่วน 1669 สามารถให้บริการประชาชนด้วยระบบที่ได้มาตรฐาน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เราจะรีบทำการตรวจสอบอย่างเร่งด่วนและอยากขอร้องโรงพยาบาลเอกชนที่มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวนี้ให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวนี้ เพราะจะส่งผลต่อโอกาสที่ผู้ป่วยฉุกเฉินจะได้รับการรักษาที่เป็นธรรมและทันท่วงทีด้วย” ร.อ.นพ.อัจฉริยะ กล่าว
นายสมศักดิ์ ปาลวัฒน์ ผู้จัดการมูลนิธิร่วมกตัญญู กล่าวว่า ในเรื่องนี้มูลนิธิไม่ได้อนุญาตและไม่สนับสนุนให้ทำเช่นนี้ แต่หากเป็นการตกลงระหว่างคนนำส่งกับรพ.เองนั้น มูลนิธิไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องนี้ ขอตรวจสอบอีกครั้ง