กรมอนามัยห่วง “วัยรุ่น” ไม่กล้าปรึกษาเรื่องท้องวัยรุ่น หันพึ่งทำแท้งเถื่อน พัฒนาสายด่วน 1663 รับคำปรึกษาลดปัญหาทำแท้งผิดๆ ชี้ แก้ปัญหาท้องในวัยรุ่นต้องมีเพศวิถีศึกษา คุมกำเนิด และยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย
วันนี้ (27 ก.พ.) ที่ศูนย์อนามัยเจริญพันธุ์ชุมชน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังนำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ศึกษาดูงานอำเภออนามัยการเจริญพันธุ์ จ.จันทบุรี ว่า สถานการณ์ปัญหาการตั้งครรภ์และการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกันของวัยรุ่นในประเทศไทย มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2543 มีจำนวนการคลอดทั้งหมด 773,009 ราย ในจำนวนนี้เป็นการคลอดจากวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 88,119 ราย คิดเป็นร้อยละ 11.2 และเพิ่มขึ้นเป็น 132,203 ราย คิดเป็นร้อยละ 16.9 ในปี 2555 นอกจากนี้ ยังมีจำนวนแม่วัยรุ่นประมาณ 12,000 คน ที่เป็นการคลอดซ้ำ หรือท้องที่ 2 ขึ้นไป ส่วนจำนวนวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์และแก้ปัญหาด้วยการทำแท้ง ซึ่งจากการสำรวจโรงพยาบาลทั้งในและนอกสังกัด สธ. 24 จังหวัด ในปี 2558 พบว่า มีการแท้งเองตามธรรมชาติ เช่น ลูกหลุด ประมาณร้อยละ 56.9 และการทำแท้งภายนอกโรงพยาบาล หรือการทำแท้งเถื่อน หรือซื้อยาทำแท้งเถื่อนจากอินเทอร์เน็ต ร้อยละ 43.1
“สาเหตุการทำแท้งมาจากเหตุผลด้านสุขภาพ ร้อยละ 37.4 และเหตุผลด้านเศรษฐกิจ สังคม ครอบครัว ร้อยละ 62.6 นอกจากนี้ ผู้ที่ทำแท้งด้วยเหตุผลด้านเศรษฐกิจ สังคม ครอบครัว ร้อยละ 28.6 มีสถานภาพนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 26.3 อายุต่ำกว่า 20 ปี และร้อยละ 53.1 อายุต่ำกว่า 25 ปี”
นพ.วชิระ กล่าวและว่า ปัญหาของวัยรุ่นที่ทำแท้งเองจากการซื้อยาทางอินเทอร์เน็ต เนื่องจากไม่เชื่อใจและไม่ไว้วางใจในระบบสุขภาพ ไม่กล้าที่จะเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อปรึกษาเรื่องดังกล่าว ประกอบกับกลัวพ่อแม่ผู้ปกครองทราบว่าตัวเองท้องไม่พร้อม ซึ่งตรงนี้เป็นปัญหามาก ส่งผลร้ายต่อสุขภาพของตัวแม่วัยรุ่นด้วย
นพ.วชิระ กล่าวว่า การดำเนินงานแก้ปัญหาตรงนี้ จะมีการดำเนินงานที่เรียกว่าอนามัยเจริญพันธุ์ แต่ปัญหาคือ คำเหล่านี้ชาวบ้านยังไม่รู้จักหรือไม่เข้าใจ ดังนั้น หากจะดำเนินงานให้ได้ผลจะต้องดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ 1. การมีเพศวิถีศึกษา ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การสอนเรื่องเพศศึกษา ซึ่งขณะนี้ พ.ร.บ. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 มีผลบังคับใช้แล้วว่า โรงเรียนจะต้องจัดการสอนเรื่องเพศวิถีให้แก่นักเรียน 2. การวางแผนครอบครัวหรือการคุมกำเนิด และ 3. การยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันมียาที่อยู่ในชุดสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า แต่จะต้องเข้าเงื่อนไขคือ แม่และเด็กหากคลอดออกแล้วมีปัญหาสุขภาพ รวมถึงกรณีถูกข่มขืน เป็นต้น นอกจากนี้ การจัดบริการยังต้องเป็นมิตรกับวัยรุ่นด้วย เมื่อได้ใจของวัยรุ่นเขาก็จะเข้ามาปรึกษา ขณะเดียวกัน ต้องสื่อสารให้คนเข้าใจด้วย เช่น ติดป้ายศูนย์อนามัยเจริญพันธุ์ชุมชนคนไม่เข้าใจ แต่พอติดป้ายว่าแจกถุงยางอนามัยฟรี ตรงนี้ทำให้คนเข้าใจและตัดสินใจที่จะมีพฤติกรรมสุขภาพอย่างไร เป็นต้น
นพ.ประวิช ชวชลาศัย รองผู้อำนวยการสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กล่าวว่า วัยรุ่นมักไม่ค่อยกล้าเข้ามาปรึกษา ขณะนี้จึงมีการพัฒนาสายด่วน 1663 เพื่อรับปรึกษาปัญหาอนามัยเจริญพันธุ์ รวมถึงกรณีวัยรุ่นท้องแต่ไม่พร้อม และบางคนมีความต้องการอยากทำแท้งผิดๆ หลายคนที่ โทร.เข้ามาก็ไม่จำเป็นต้องทำแท้งเสมอไป เพราะเมื่อได้รับคำปรึกษาก็สามารถคงเด็กไว้และเลี้ยงดูอย่างเหมาะสมได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญไม่ได้สนับสนุนว่าต้องทำแท้งทุกคน การทำแท้งมีเงื่อนไขจำเพาะ เช่น แม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ไม่สามารถคลอดได้ หรือเด็กคลอดออกมาแล้วมีปัญหาผิดปกติ ข้อบ่งชี้ต่างๆ ที่ทางการแพทย์และกฎหมายกำหนด ซึ่งต้องได้รับคำปรึกษาที่ถูกต้อง