สธ. เร่งสืบเวลา โทร.แจ้ง 1669 ช่วยชีวิต “อดีตทีมชาติไทย” ไม่ตรงกัน เชิญเพื่อน “บุญธรรม” ให้ข้อมูล ยัน โทร.เวลา 17.18 น. ต่างจากข้อมูล สพฉ. ถึง 5 นาที แถมไม่มีคน โทร.กลับ ไม่มีเสียงไซเรนรถพยาบาลมารับตาม สพฉ. อ้าง เสนอติดเบอร์สถาบันบำราศฯ รอบ สธ. แจ้งเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์คู่ 1669
จากกรณีความสับสนเรื่องเวลาในการแจ้งขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 เพื่อช่วยชีวิต นายบุญธรรม บูรณธรรมานันท์ อดีตกองหลังทีมชาติไทย ที่เกิดอาการหัวใจวายขณะซ้อมในสนามกีฬากระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ไม่ตรงกัน โดยทางเพื่อนผู้เสียชีวิต ระบุว่า โทร.แจ้งประมาณ 10 - 15 นาที ก็ไม่มีการติดต่อกลับเพื่อมารับตัวผู้ป่วย จนต้องนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลเอง ขณะที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ระบุว่า รับแจ้งเมื่อเวลา 17.23 น. และส่งรถไปรับถึงในเวลา 17.30 น. นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จึงสั่งการให้ นพ.วิทูรย์ อนันกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขฉุกเฉิน (สธฉ.) ดำเนินการตั้งทีมสืบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
วันนี้ (24 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. ได้มีการจัดประชุมเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องเวลาในการแจ้งเหตุ 1669 ที่ไม่ตรงกัน ระหว่างศูนย์รับแจ้งเหตุที่ รพ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี กับเวลาที่เพื่อนผู้เสียชีวิต โทร.ขอความช่วยเหลือ โดยการประชุมดังกล่าว เป็นเพียงการสอบถามเฉพาะกลุ่มเพื่อนๆ และผู้เห็นเหตุการณ์ในวันนั้นประมาณ 6 - 7 คน โดยเป็นการหารือแบบปิด ไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสื่อมวลชนเข้าฟัง และไม่อนุญาตให้ใครให้ข้อมูลแก่สื่อมวลชน โดยขอให้รอการรวบรวมข้อมูลมากกว่านี้ก่อน เนื่องจากยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ
ทั้งนี้ บรรยากาศหลังการประชุม บรรดาเพื่อนๆ และผู้เห็นเหตุการณ์ที่เข้าร่วมให้ข้อมูลต่างมีอารมณ์ไม่ค่อยพอใจเท่าที่ควร เนื่องจากจากการสอบถาม ปรากฏว่า ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ทางผู้บริหาร สพฉ. ให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากเวลาที่ โทร.ไปแจ้งศูนย์รับแจ้งเหตุ 1669 นั้น ไม่ตรงกัน เพราะเพื่อนๆ ยืนยันว่า โทร.ไปเวลา 17.18 น. แต่ สพฉ. บอกว่าเช็กข้อมูลรับแจ้งเหตุที่เวลา 17.23 น. ซึ่งต่างกันถึง 5 นาที โดยข้อมูลตรงนี้มาตรวจสอบได้
เพื่อนผู้ โทร.แจ้งเหตุ 1669 กล่าวว่า ตนเป็นคน โทร.แจ้ง 1669 เอง เจ้าหน้าที่ได้ขอเบอร์ส่วนตัวตนไป เพื่อทราบอาการและ โทร.ถามเส้นทาง แต่รอแล้วก็ไม่มีใคร โทร.กลับมา จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ โทร.มาเลย และที่บอกว่า มีรถฉุกเฉินของสถาบันบำราศฯ วิ่งมารับผู้เสียชีวิตด้วยนั้น ตนและเพื่อนไม่เห็นมีรถสักคัน เพราะรถฉุกเฉินก็ต้องมีเสียงไซเรนดังอยู่แล้ว แต่นี่ไม่เห็น ไม่มีเสียงดังใดๆ ซึ่งพวกตนไม่ได้ต้องการตำหนิหรือต่อว่าใคร เพราะผู้เสียชีวิตก็เสียชีวิตไปแล้ว สิ่งที่พวกตนรู้สึก คือ นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรกที่เกิดในกระทรวงสาธารณสุข เพราะในอดีตคนในกระทรวงวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหูมาก ว่า เคยมีกรณีแบบนี้มาก่อน 2 ครั้ง เป็นข้าราชการมาประชุมอยู่ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และอีกคนก็เป็นคนนอกมาวิ่งรอบกระทรวงก็เกิดอาการวูบเหมือนกัน แต่ตนไม่ทราบว่า ประสบเหตุความล่าช้าเหมือนเคสนี้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือ คนไม่ค่อยรู้ว่ามีสถาบันบำราศนราดูรอยู่ใกล้ๆ
“พวกผมเสนอที่ประชุมเพื่อขอให้ผู้บริหาร สธ. ปรับปรุงโดยควรติดป้ายเบอร์ โทร.ฉุกเฉินของสถาบันบำราศนราดูร ไม่ใช่แค่ 1669 เท่านั้น เพราะที่สถาบันบำราศฯ จะใกล้กว่าอยู่ภายในกระทรวงเอง ทำไมต้องไปเสียเวลา โทร.ไป 1669 เพื่อให้เขาประสานมาที่สถาบันบำราศฯ อยู่ดี นอกจากนี้ หากเป็นไปได้ก็ควรฝึกอบรมการช่วยชีวิตเบื้องต้นของ รปภ. ในกระทรวงด้วย” เพื่อนผู้อยู่ในเหตุการณ์ กล่าว
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งทางกลุ่มเพื่อนผู้เสียชีวิตได้เสนอให้มีการติดเบอร์ของสถาบันบำราศฯ ไว้รอบบริเวณ สธ. เพื่อให้ผู้ที่มีเหตุฉุนเฉินสามารถ โทร.หาโรงพยาบาลใกล้เคียงได้โดยตรงนั้น ตนจะรับข้อเสนอไว้พิจารณาและจะดำเนินการปรับปรุงระบบต่อไป แต่ปัจจุบันสถาบันบำราศฯ เป็นโรงพยาบาลที่ดูแลรักษาเกี่ยวกับโรค ศักยภาพในการช่วยชีวิตฉุกเฉินอาจไม่เพียงพอ ซึ่งจะพัฒนาเพิ่มศักยภาพตรงนี้