xs
xsm
sm
md
lg

อย่าเพ่งแค่ลูกดื้อหรือเชื่อฟัง ควรเน้นปรับจุดอ่อนดีกว่า/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ลูกดื้อมาก ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วเครียดมาก”

“ลูกคุณดื้อไหมคะ ลูกดิฉันไม่เชื่อฟังพ่อแม่เลยค่ะ เหนื่อยมาก”

คำพูดในท่วงทำนองนี้ ดิฉันได้ยินบ่อยมาก ล่าสุด เจอเพื่อนอีกคนที่โทรศัพท์มาพูดคุยแกมระบายให้ฟังว่าไม่ไหวแล้ว เพราะลูกดื้อมาก ไม่เชื่อฟังเลย ควรจะทำอย่างไรดี

ใครบ้างล่ะที่จะไม่ชอบคนที่เชื่อฟังเรา ?

ยิ่งถ้าคนเป็นพ่อแม่แล้วล่ะก็ แน่นอนว่า มักจะชื่นชมลูกที่เชื่อฟัง หรือปฏิบัติตามที่พ่อแม่ต้องการ แล้วก็จะบอกว่าลูกเป็นเด็กดี เป็นเด็กว่าง่าย เลี้ยงง่าย และถ้านำไปเปรียบเทียบกับลูกอีกคนที่อาจมีนิสัยตรงกันข้าม ไม่เชื่อฟัง จึงมักจบลงด้วยการต่อว่าลูกเป็นเด็กดื้อ เลี้ยงยาก
สุดท้ายลูกคนที่เชื่อฟังจึงมักจะเป็นลูกคนโปรดเสมอ

ความจริงด้วยความคิดความเชื่อเหล่านี้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะพ่อแม่ที่มีต่อลูกเท่านั้น แต่ผู้ใหญ่ในสังคมทุกระดับก็มักจะชื่นชอบเด็กในทุกระดับที่เชื่อฟังเช่นกัน

ที่ผ่านมา เราต้องยอมรับว่าค่านิยม และทัศนคติในการเลี้ยงดูลูกในบ้านเรามักจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มที่เด่นชัด คือ เด็กที่เชื่อฟัง และเด็กดื้อ

กลุ่มแรก คือ กลุ่มที่เด็กถูกเลี้ยงดูและถูกบ่มเพาะกันรุ่นแล้วรุ่นเล่าสอนให้ลูกเชื่อฟังพ่อแม่ บางคนถึงขนาดสอนให้เชื่อโดยปราศจากเงื่อนไข ด้วยความคิดที่ว่าเพราะพ่อแม่รักลูก สิ่งที่ทำล้วนแล้วแต่ปรารถนาดีต่อลูกทั้งสิ้น

กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มที่พ่อแม่มักตามใจ มีอะไรก็ทำให้ลูกหมด กลัวลูกลำบาก กลัวลูกไม่รัก กลัวสารพัด ฯลฯ สรุปก็คือไม่ได้ปล่อยให้เขาได้ทำอะไรด้วยตัวเอง จนทำให้สุดท้าย เขามองเห็นแต่ตัวเอง ซึ่งเด็กกลุ่มที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบนี้ ในภายหลังมักจบลงด้วยประโยคของพ่อแม่ว่า ลูกดื้อ ซึ่งแท้จริงแล้วก็อาจเกิดจากการที่ถูกเลี้ยงดูไม่เหมาะสมก็ได้

อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง ไม่ว่าลูกจะเป็นเด็กดื้อไม่เชื่อฟัง หรือเป็นลูกที่หัวอ่อนเชื่อฟังทุกเรื่อง ก็ล้วนไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้น

สิ่งที่ควรให้ความสำคัญ ควรเป็นเรื่องการส่งเสริมศักยภาพให้เหมาะสมกับตัวลูก เน้นให้เขามีความเป็นตัวของตัวเอง เสริมจุดแข็ง แก้จุดอ่อนน่าจะดีกว่า

เพราะกรณีที่เด็กบางคนมีแนวโน้มหัวอ่อน คนเป็นพ่อแม่ควรสังเกตและเสริมจุดอ่อนให้เขามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น หรือเด็กที่มีแนวโน้มหัวแข็ง พ่อแม่ก็ต้องหาทางปรับให้เขาลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมลง แล้วเลิกเพ่งว่าลูกเป็นเด็กดื้อ หรือเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายเท่านั้น

แต่ควรเปลี่ยนมาเป็นสังเกตลูกว่า เขามีลักษณะพื้นนิสัยอย่างไร และควรจะส่งเสริมหรือปรับปรุงอย่างไรให้เหมาะกับตัวเขา ยกตัวอย่างเช่น

ถ้าลูกขาดภาวะผู้นำ ชอบเป็นผู้ตามมากกว่า ชอบเดินตามกรอบที่ผู้ใหญ่ขีดเส้นทางไว้ให้ ไม่ค่อยกล้าออกนอกกรอบ ไม่ค่อยคิดสิ่งใหม่ๆ กลัวผิดพลาด

สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ คือ สร้างความมั่นใจให้กับลูกตั้งแต่เล็ก ด้วยการมอบความรัก ความอบอุ่น และความเข้าอกเข้าใจลูก เมื่อเด็กเกิดความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจ ก็จะทำให้เชื่อมั่นในตนเอง จากนั้นก็พยายามกระตุ้นให้เขาได้คิดบ่อยๆ สนับสนุนความคิดบางอย่างเพื่อให้เขาได้กล้าที่จะลุกขึ้นมาทำด้วยตัวเองก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ ฝึกให้เขาเป็นผู้นำจากเรื่องเล็กๆ และค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเสริมความเป็นผู้นำให้ลูก อาจมอบหมายให้ลูกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยตนเอง และควรชื่นชมเมื่อลูกสามารถทำสำเร็จ

ถ้าลูกไม่กล้าแสดงออก ขาดความมั่นใจในตนเอง ลองสำรวจว่าเราเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองที่มักเป็นคนคิด เป็นคนทำให้ทุกอย่าง ไม่ค่อยได้เปิดโอกาสให้ลูกแสดงความคิดเห็นหรือเปล่า พอถึงเวลาจะให้เขาแสดงความคิดเห็นจึงไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใดๆ ออกมา

สิ่งที่พ่อแม่ควรส่งเสริม คือ เปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงความคิดเห็นบ่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้เด็กฝึกคิด และแก้ปัญหาได้ เมื่อเขาทำได้ และได้รับการยอมรับ เขาจะกล้าแสดงออก และมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

ถ้าลูกไม่กล้าปฏิเสธ เด็กจำนวนไม่น้อยที่ปฏิเสธไม่เป็น ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร ปัญหานี้ถ้าไม่ได้รับการแก้ไข เมื่อโตขึ้นไปอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ เคยมีกรณีเด็กสาวเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นประสบปัญหาเมื่อแฟนขอมีเพศสัมพันธ์ ก็ไม่กล้าปฏิเสธ ขาดทักษะที่จะปฏิเสธ ไม่รู้จะจัดการอย่างไร จนนำไปสู่ความเลยเถิด ซึ่งทำให้เกิดสภาพปัญหาเรื่องท้องไม่พร้อม

สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ คือ ฝึกให้ลูกปฏิเสธให้เป็น เมื่อเจอสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม และค่อยๆ เพิ่มระดับการปฏิเสธด้วยการพูดคุยและสมมติสถานการณ์ต่างๆ เพิ่มเติมด้วยก็ได้

ถ้าลูกไม่เชื่อฟัง เด็กยุคนี้มีสิ่งเร้าเยอะมาก นอกจากการเลี้ยงดูแล้ว สิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กก็มีความสำคัญไม่น้อย ฉะนั้น การเลี้ยงดูโดยพยายามฝึกให้เขามีเหตุมีผลตั้งแต่เล็กจะช่วยได้ การเชื่อฟังพ่อแม่เป็นเรื่องดี แต่ก็สามารถที่จะแย้งได้เมื่อเห็นต่าง รวมไปถึงการฝึกให้เขาได้ช่วยเหลือตัวเอง ทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง ต้องฝึกตั้งแต่เล็ก ถ้าฝึกตอนโต มักได้ผลในทางตรงข้าม
อย่ามัวแต่เพ่งจะหาวิธีแก้ปัญหาลูกดื้อหรือเชื่อฟังเกินไปเลย จะดื้อหรือไม่ดื้อต้องดูพฤติกรรมอื่นอย่างที่ยกตัวอย่างมาให้เห็นประกอบด้วย

เพราะถ้าลูกไม่ดื้อเลย แต่มีพฤติกรรมอย่างนี้ก็ต้องแก้ปัญหาด้วยเช่นกัน

แล้วถ้าไม่ได้รับการแก้ไข อาจเป็นปัญหาใหญ่กว่าลูกดื้อหรือไม่ดื้อเสียอีก!!
กำลังโหลดความคิดเห็น