ฉลองครบรอบ 25 ปี แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับจังหวัดอุดรธานี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชน จัดงาน “ตามรอยพ่อ มรดกไทย มรดกโลก บ้านเชียง” ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ระหว่างวันที่ 10 - 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จัดยิ่งใหญ่ มีการแสดงแสง สี เสียง ย้อนรอยอดีตไทพวนบ้านเชียงประกอบม่านน้ำ มีการแสดงพื้นบ้านอีสาน นอกจากนี้ มีขบวนแห่มรดกโลกบ้านเชียงและวิถีชีวิตไทพวน ทั้งหมด 6 ขบวน ได้แก่ ขบวนฮีตสิบสอง คลองสิบสี่ ขบวนไหหลายบุปชาติ ขบวนย้อยรอยวิถีชีวิตไทพวนบ้านเชียง ขบวนผ้ามัดหมี่ย้อมคราม ขบวนอารยธรรม 5 พันปี และขบวนเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 10 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รัชกาลที่ ๙
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมางานนี้จะได้สัมผัสวิถีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรม ที่เรียบง่ายของชาวบ้านเชียง และไม่ว่าจะมองไปทางไหนจะเห็นเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ สวมใส่ผ้ายอมครามลายไหและลายเอกลักษณ์บ้านเชียง ที่ชาวบ้านภาคภูมิใจ สืบสาน อนุรักษ์ไว้จนถึงปัจจุบัน
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะประธาน กล่าวว่า แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การ UNESCO เมื่อปี 2535 เป็น 1 ใน 5 ของมรดกโลกในประเทศไทย ซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์และมีชื่อเสียงอย่างแพร่หลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก นอกจากนี้ ผู้ที่มาร่วมงานจะได้ตามรอยพ่อของแผ่นดิน เพราะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรหลุมขุดค้นทางโบราณคดีบ้านเชียง วันที่ 20 มีนาคม 2515 ทรงเยี่ยมราษฎรอย่างใกล้ชิด พร้อมพระราชทานแนวทางพระราชดำริอันทรงคุณประโยชน์ต่อการเสริมสร้างความเจริญแก่ท้องถิ่นบ้านเชียง และความก้าวหน้าในการศึกษาวิชาการโบราณคดีของประเทศไทยสืบมาจนถึงปัจจุบันนี้
ในส่วนพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง โดยกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จัดนิทรรศการพิเศษพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช กับการต่อลมหายใจของผ้าทอมือ โดยมีการจัดแสดงผ้าสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ผ้าทอมือของไทย และผ้าทอมือลายคุณทองแดง จากศิลปินพื้นบ้านชาวอีสาน ยายบุญมา ศรีจันทร์ ซึ่งเป็นผู้ได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และได้รับพระราชทานพระราชดำริให้ทอผ้าดังกล่าวขึ้น
อีกทั้งยังได้มีการจัดแสดงผ้าทอมือลายคุณทองโบราณ ซึ่งเป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ พระราชทานแก่สุนัขโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตัวแรกของไทยที่ได้มีการขุดค้นพบในแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงโดยมีการนิทรรศการสามมิติในเรื่องนี้ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจ “หลุมขุดค้นทางโบราณคดีที่วัดโพธิ์ศรีใน” ตั้งอยู่ภายในวัด ซึ่งอยู่ห่างจากพิพิธภัณฑ์บ้านชียง ประมาณ 500 เมตร เป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯมาทอดพระเนตรการทำงานของนักโบราณคดี เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2515 และเรือนไทพวน ได้รับรางวัลพระราชทานทางด้านการอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น ปี 2550 โดยสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเรือนไทพวนเป็นอนุสรณ์สถานเมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมายังหลุมขุดค้น เดิมบ้านหลังนี้เป็นของ นายพจน์ มนตรีพิทักษ์ ชาวบ้านเชียงที่อนุญาตให้กรมศิลปากรเข้ามาใช้พื้นที่ดำเนินงานทางโบราณคดี ต่อมาได้มอบบ้านพร้อมที่ดินแก่กรมศิลปากร เพื่อปรับปรุงเป็นอนุสรณ์
นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าการราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวเสริมว่า อารยธรรมบ้านเชียง โดดเด่นจนได้เป็นมรดกโลก ขณะเดียวกัน ชาวบ้านเชียงได้ใช้ต้นทุนวัฒนธรรมนี้ในการประกอบอาชีพ มีการผลิตเครื่องปั้นดินเผาและผ้าทอมือลายเอกลักษณ์บ้านเชียงสร้างรายได้ และในอนาคตอันใกล้นี้จะได้เห็นเอกลักษณ์บ้านเชียง ในรูปแบบของใช้ในชีวิตประจำวัน ของตกแต่งด้วย
“บ้านเชียงมรดกโลกนับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณคดีสำคัญ ล่าสุด ปี 2559 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมากว่า 2 แสนคน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากภาครัฐ เอกชน ตลอดจนคนในท้องถิ่น ช่วยกันอนุรักษ์ พร้อมพัฒนาบ้านเชียง ควบคู่กันไปด้วย”
นายเศวตฉัตร บรรเทาทุกข์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านเชียง เล่าว่า ชาวบ้านตระหนักและหวงแหนวัฒนธรรมบ้านเชียงที่มีความเอกลักษณ์ โดยพยายามรื้อพื้นประเพณีของชาวไทพวนบ้านเชียงที่กำลังจะเลือนหาย อย่างประเพณีการแต่งงาน การขึ้นบ้านใหม่ การปลูกเรือนของไทพวน ทุกประเพณีมีมนต์เสน่ห์
“ประเพณีเหล่านี้กำลังจะเลือนหายไป เพราะปัจจุบันมีแต่ตึก เราจึงมีโครงการจัดลานวัฒนธรรม เพื่อให้คนรุ่นใหม่ นักท่องเที่ยว เรียนรู้ประเพณีการปลูกบ้านของไทพวนจะมีหมอครามมาพูดนำสิ่งที่ดีๆ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้อาศัย พร้อมกันนี้จะรื้อฟื้นประเพณีการแต่งงาน เครื่องแต่งกายของคู่บ่าวสาว และผู้มาร่วมงาน อาหาร รวมถึงขั้นตอนการแต่งงานด้วย” นายเศวตฉัตร กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ที่มาเยือนบ้านเชียง ต้องการสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ เรามีโฮมสเตย์ เรือนไทพวน รองรับนักท่องเที่ยวด้วย
นอกจากรื้อฟื้นประเพณีต่างๆ แล้ว นายเศวตฉัตร เล่าว่า เทศบาลฯ ยังมีแผนพัฒนาชุมชนบ้านเชียง ล่าสุด ทำโครงการส่งเสริมศักยภาพการผลิตเซรามิก ด้วยเขียนลวดลายเอกลักษณ์บ้านเชียง อันที่จริงๆ ชาวบ้านเชียงมีทักษะ มีความเชี่ยวชาญต่างกันออกไป บางคนมีฝีมือในการปั้น บางคนถนัดเผา บางคนถนัดเขียนสี จึงใช้วิธีแบ่งงานกันทำตามความถนัด เพื่อให้ผลิตภัณฑ์หนึ่งชิ้นนั้นได้คุณภาพมาตรฐาน อย่างไรก็ดี ชาวบ้านไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ เตรียมพัฒนาเครื่องปั้นดินเผาต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์เซรามิก ลวดลายบ้านเชียง โดยเชิญครูที่มีความชำนาญด้านเซรามิกจากจังหวัดลำปาง มาช่วยสอน อัปคุณภาพเครื่องปั้นดินเผาสู่เซรามิก ใช้ในชีวิตประจำวัน ของตกแต่ง ของที่ระลึก นี่คือการอนุรักษ์ผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมให้คงอยู่ ต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ช่วยสร้างรายได้ให้ท้องถิ่น
ในขณะนี้ได้มีการฝึกอบรมไปแล้ว การปั้น เขียนลายเอกลักษณ์บ้านเชียง นั้นผ่านฉลุย ติดเพียงขั้นตอนการเผา คือยังขาดงบประมาณจัดซื้อเตา ถ้าวันไหนมีงบซื้อเตาแล้ว จะขอความร่วมมือจากร้านอาหาร บ้านเรือน หันมาใช้ถ้วย ชาม ภาชนะ ลายบ้านเชียง ตรงนี้ถือเป็นการโปรโมตมรดกโลกบ้านเชียงให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายด้วย ที่สำคัญ ยังกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ชาวบ้านให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น