xs
xsm
sm
md
lg

สธ.เร่งพัฒนางาน “ควบคุม-ป้องกันโรค” ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สธ. ประชุม 18 หน่วยงาน เร่งพัฒนางาน “ควบคุมโรค - ภัยสุขภาพ” ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ เตรียมพร้อมถูกประเมินผลการทำงาน หลัง WHO ปรับเกณฑ์ประเมินใหม่

วันนี้ (16 ก.พ.) นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2558 (2005) ครั้งที่ 1/2560 ว่า การประชุมนี้ เป็นการประสานงานเบื้องต้นกับกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสมรรถนะด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 (International Health Regulations : IHR) เพื่อเตรียมการรับการประเมินผลการปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศของประเทศไทย ในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งกฎเกณฑ์ของตัวชี้วัดมีการเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น

นพ.โสภณ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการกฎอนามัยระหว่างประเทศขึ้น และมอบหมายให้ สธ. ดำเนินการร่วมกับ 18 กระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับ กำกับ ดูแล การพัฒนาศักยภาพด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคของประเทศไทย ให้ได้ตามมาตรฐานของกฎอนามัยระหว่างประเทศตั้งแต่ปี 2550 ลดความเสี่ยงของประชาชนจากโรคระบาดและภัยสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ โดยที่ผ่านมา จะให้แต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกทำการประเมินผลการพัฒนาสมรรถนะ โดยการประเมินตนเอง (self evaluation) ตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก ผลการประเมินในปี 2557 ไทยเป็น 1 ใน 74 ประเทศจาก 196 ประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลก ที่ผ่านการประเมิน อย่างไรก็ดี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว องค์การอนามัยโลกได้ทำการปรับเปลี่ยนรูปแบบการประเมินใหม่ โดยเพิ่มจำนวนตัวชี้วัด เพิ่มประเด็นและมาตรฐานการวัดให้สูงขึ้น และกำหนดให้เปลี่ยนมาใช้วิธีการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญที่เป็นบุคคลภายนอกประเทศ (Joint External Evaluation หรือ JEE) ที่มาจากองค์การอนามัยโลก มีตัวชี้วัดทั้งสิ้น 58 ตัวชี้วัด แบ่งเป็น 19 ประเด็นย่อย เช่น กฎหมายหรือนโยบาย การประสานงาน การเฝ้าระวัง การเตรียมความพร้อมรับมือภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เป็นต้น

“สธ. ได้ดำเนินการจัดทำ “แผนยุทธศาสตร์การพัฒนางานด้านกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2558 สำหรับช่วงปี พ.ศ. 2560 - 2564” แบ่งเป็น 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันโรคติดต่ออันตรายและภัยสุขภาพที่อาจนำไปสู่ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศได้ ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาระบบการตรวจจับโรคและภัยสุขภาพให้มีความรวดเร็วและแม่นยำ เพื่อเฝ้าระวังและตรวจจับสถานการณ์โรคและภัยสุขภาพที่ทำให้เกิดภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ยุทธศาสตร์ที่ 3 ดำเนินการควบคุมโรคและภัยสุขภาพอย่างรวดเร็ว เป็นระบบ มีความเป็นเอกภาพ มีประสิทธิภาพและปลอดภัยเพื่อควบคุมและตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศหรือเหตุการณ์ที่อาจนำไปสู่การเกิดภาวะฉุกเฉินระหว่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาและปรับปรุงระบบสนับสนุนการดำเนินงานและบริหารจัดการ เพื่อให้มีระบบสนับสนุนการดำเนินงานและบริหารจัดการที่ดี สามารถสนับสนุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ปลัด สธ. กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น