xs
xsm
sm
md
lg

มธ.โชว์นวัตกรรม “ถุงห่อชมพู่” ช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลิต สีสวย-หวานกรอบยิ่งขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

คุณภาพเนื้อชมพู่ทั่วไป (ซ้าย) / คุณภาพเนื้อชมพู่ที่ห่อด้วยนวัตกรรม ถุงห่อชมพู่ (ขวา)
คณะวิทย์ ม.ธรรมศาสตร์ โชว์นวัตกรรม “ถุงห่อชมพู่” ช่วยมีสีแดงสวยสม่ำเสมอ หวานขึ้นกว่าเดิม 40% เนื้อแน่นกรอบขึ้น 2 เท่า ช่วยเพิ่มคุณภาพและราคาผลผลิต 2 - 3 เท่า ลดต้นทุนเกษตรกรระยะยาว ส่งออกสู้ประเทศคู่แข่งได้ เผย คว้ารางวัลสิ่งประดิษฐ์แห่งชาติ ประจำปี 2560 จาก วช.
ถุงห่อชมพู่ หวานแน่ กรอบนาน
รศ.วรภัทร ลัคนทินวงศ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ทีมนักศึกษาของคณะฯ ได้พัฒนานวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ “ถุงห่อชมพู่ หวานแน่ กรอบนาน” ขึ้น หลังจากลงพื้นที่ศึกษา ณ สวนเจริญสุข อ.บางแพ จ.ราชบุรี และได้รับฟังปัญหาจากเกษตรกรว่า พบปัญหาเรื่องคุณภาพชมพู่ไม่ได้ มาตรฐาน อาทิ คุณภาพสีชมพู่ที่ไม่สม่ำเสมอ มีแมลงวันผลไม้ และเกิดการเน่าเสียระหว่างขนส่ง จนทำให้จากเดิมที่ชมพู่เคยเป็นหนึ่งในผลไม้เศรษฐกิจอันดับต้นๆ ของประเทศที่ส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศจีนที่เป็นคู่ค้าหลัก ซึ่งสร้างมูลค่าเข้าประเทศกว่า 1,100 ล้านบาทต่อปี ติดปัญหาในเรื่องคุณภาพ และถูกคู่ค้ารายใหญ่อย่างประเทศ จีนสั่งระงับการนำเข้าชมพู่ จากประเทศไทยในปี 2555 จึงทำให้รายได้ของเกษตรกรสวนชมพู่ ชะงักลงเป็นอย่างมาก

รศ.วรภัทร กล่าวต่อว่า นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ถุงห่อชมพู่นั้น เกิดจากการบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน ผนวกรวมกับด้านเทคโนโลยีการเกษตร และการออกแบบ โดยแรกเริ่มต้นแบบของนวัตกรรมถุงชมพู่ ด้านบนของถุงจะถูกเย็บปิดด้วยผ้าตีนตุ๊กแก เพื่อให้สามารถพับติดได้ง่าย ขณะที่ก้นถุงจะใช้ด้ายดิบร้อยไว้ด้านใน โดยปล่อยให้ปลายเชือกยาวมาด้านนอกในความยาวด้านละ 5 นิ้ว เพื่อทำหน้าที่ดูดซับและระบายน้ำออกจากถุงเมื่อชมพู่เกิดการคายน้ำ หรือมีน้ำขังในถุงในช่วงฤดูฝน ป้องกันการเน่าหรือการหลุดออกจากขั้วของผลชมพู่ ต่อมาจึงได้มีการพัฒนานวัตกรรมดั งกล่าวอีกครั้งหนึ่ง โดยการคัดเลือกวัสดุที่นำมาทำถุงใหม่ ด้วยการนำฉนวนกันร้อนชนิดโฟมที่ มีความหนา 2 มิลลิเมตรไว้ด้านนอก ส่วนด้านในจะวางซ้อนด้วยแผ่นโฟม ชนิดบาง มาตัดเย็บเป็นถุงในขนาดที่สามาร ถห่อผลชมพู่ได้ เพื่อให้โฟมชนิดหนาทำหน้าที่ป้องกันความร้อนจากด้านนอก และคงความเย็นภายใน

อุณหภูมิดังกล่าว จะส่งผลให้ชมพู่สามารถผลิตสารสีแดง (Anthocyanin) ได้เพิ่มขึ้นถึง 40-50% ซึ่งมีคุณค่าช่วยต้านมะเร็งในร่างกาย มีรสชาติที่หวานขึ้นกว่า 40% อีกทั้งมีความแน่นกรอบของเนื้อชมพู่ถึง 2 เท่า รวมไปถึงสีเนื้อชมพู่ ที่เปลี่ยนจากสีเขียว เป็นสีขาวอมชมพู เนื่องจากการสร้างสารประกอบคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ลดลง เมื่อเทียบกับการห่อด้วยถุงปกติ นอกจากนี้ ก่อนนำไปใช้ห่อผลชมพู่จริง เกษตรกรสามารถฉีดพ่นสารกันเพลี้ยแป้ง รวมไปถึงแมลงวันผลไม้ที่มาตอมผลชมพู่ เคลือบด้านในถุง เพื่อร่นระยะเวลาของเกษตรกร โดยเบื้องต้นได้ทำการทดลองใช้ใน พื้นที่สวนชมพู่ จังหวัดราชบุรี ซึ่งผลที่ได้คือ ชมพู่มีสีสวยสด เนื้อเป็นสีขาวอมชมพู หวานกรอบ มากกว่าผลชมพู่ที่ห่อด้วยถุงปกติ” รศ.วรภัทร กล่าว

รศ.วรภัทร กล่าวว่า ทั้งนี้ การห่อถุงอาจมีความไม่สะดวก จึงได้ทำการพัฒนาต่อเป็นถุงห่อชมพู่ในลักษณะซิปรูดเปิด-ปิด ทดแทนการใช้งานในรูปแบบตีนตุ๊กแกที่สะดวกต่อการใช้งาน และมีรูปทรงที่คงทนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับต้นทุนในการพัฒนานวัตกรรม ดังกล่าว อยู่ที่ถุงละประมาณ 2 บาท โดยสามารถนำมาใช้ซ้ำได้นานถึง 10 ปี เพียงนำมาล้างและผึ่งแดดให้แห้ง หลังการใช้งาน ซึ่งเป็นการลดต้นทุนของเกษตรกรในระยะยาวได้กว่า 5-6 เท่า และสามารถขายผลผลิตที่มีคุณภาพในราคาที่สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 2-3 เท่า เป็นการขจัดปัญหาเรื่องคุณภาพของชมพู่ส่งออก และช่วยผลักดันให้ชมพู่ทับทิมจันทร์สัญชาติไทย สามารถแข่งขันกับชมพู่ของไต้หวันในตลาดจีนได้

รศ.วรภัทร กล่าวว่า ถุงห่อผลไม้แบบ active bagging สำหรับห่อผลไม้เขตร้อนหรือกึ่งร้อน หรือ “ถุงห่อชมพู่ หวานแน่ กรอบนาน” เป็นหนึ่งในตัวอย่างของความสำเร็จของคณะ โดยได้รับรางวัลสิ่งประดิษฐ์แห่งชาติ ประจำปี 2560 จากสภาวิจัยแห่งชาติ (วช.) รางวัลเหรียญเงิน (Silver Prize) และรางวัล Special Award จากประเทศอียิปต์ จากเวทีการประกวดนวัตกรรมนานาชาติ SIIF กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
กำลังโหลดความคิดเห็น