การฝึกสมองให้คิดทางบวกนั้น ส่งผลดีทั้งต่อสุขภาพจิต และสุขภาพกายของเรา หากเรากำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงของชีวิต มีปัญหาหลายอย่างประเดประดังเข้ามา การคิดทางบวกจะช่วยให้เราหาทางออกในชีวิตได้ เรามาลองฝึกสมองให้คิดทางบวกโดยแบบฝึกหัดง่ายๆ และระหว่างที่ฝึกปฏิบัติให้เราคิดบวกไปด้วย ดังนี้
1. ทุกครั้งที่พูดให้ใช้ถ้อยคำเชิงบวก หากเราพูดว่าเราทำไม่ได้เรากำลังบอกตัวเองให้มีความเชื่อว่าเราทำไม่ได้จริงๆ ดังนั้น ให้เราเปลี่ยนความคิดทางลบเป็นความคิดทางบวกโดยบอกกับตัวเองว่า เราจะพยายามทำจนสุดความสามารถแม้ว่ามันจะยากเย็นขนาดไหนก็ตาม
2. กำจัดความคิดทางลบออกไปให้หมด อย่าให้ความคิดทางลบ เข้ามาในความรู้สึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่กำลังมีปัญหาทับถมเข้ามามากมาย พยายามคิดบวกจดจ่อกับสิ่งดีๆ แม้ว่านั่นจะใช้เวลาเพียง 2 - 3 ชั่วโมงต่อวันก็ตาม
3. ฝึกเตือนตัวเองทางบวก แบบฝึกย้ำความคิดทางบวกนี้สามารถทำได้ โดยการย้ำเตือนถึงประโยคที่ดีๆ ในความคิดทุกวัน เช่น ฉันสมควรได้รับความสุข ฉันเป็นคนที่มีค่าสมควรแก่การรัก เป็นต้น มีความเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความจริง การเตือนตัวเองจะทำให้เราบรรจุความคิดบวกต่างๆ เหล่านี้ไว้ในชีวิตเป็นการชี้นำความคิดที่ดีอย่างหนึ่ง เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่นักจิตวิทยาใช้ควบคุมความคิดเมื่อเวลาจิตตก หรือในเวลาที่เกิดความเครียด ความวิตกกังวล หรือความกระวนกระวายใจ เราควรสร้างความคิดที่แจ่มใส มีจุดสนใจทางบวก ฝึกที่จะควบคุมความคิดทางลบ โดยการใช้ความคิดทางบวกมาแทนที่อยู่เสมอ
4. เชื่อว่า เราจะประสบความสำเร็จ การเชื่อมั่นในตัวเองว่าเราจะประสบความสำเร็จจะทำให้เราไม่มีความสงสัยและจะทำให้เราวิ่งไปถึงเป้าหมายแห่งความสำเร็จนั้นได้
5. วิเคราะห์ข้อผิดพลาด การสร้างความคิดทางบวกนั้นไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เราปฏิเสธถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ให้เราใช้เวลาที่จะคิดถึงสิ่งที่ผ่านมา เพื่อเราจะหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และพร้อมที่จะมุ่งตรงไปสู่ความสำเร็จในวันพรุ่งนี้
6. ให้เครดิตตัวเอง บ่อยครั้งเมื่อเรามีความรู้สึกหงุดหงิดหรือมีปัญหาเราจะจดจ่อต่อข้อผิดพลาดและสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นแทนที่จะเสริมแรงและให้เครดิตกับตัวเองในสิ่งที่เราทำเราควรสร้างความรู้สึกมั่นใจ ดังนั้นให้เราภาคภูมิใจในสิ่งที่เราประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในบางส่วนก็ตาม
7. ยกโทษให้ตัวเอง การกล่าวโทษตัวเองทุกครั้งเมื่อมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงปัญหานั้นได้ ให้เราบอกตัวเองและยอมยกโทษให้กับความผิดพลาดของตัวเองเพื่อเราจะขับเคลื่อนต่อไปข้างหน้า
8. เรียนรู้จากอดีต อดีตนั้นเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้วถึงแม้ว่าจะมันเป็นสิ่งที่เลวร้ายในชีวิตเราอย่างไรก็ตามเราก็ไม่สามารถจะกลับไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขอดีตได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเรื่องเลวร้ายในอดีตด้วยความคิดทางบวกและให้มันเป็นบทเรียนเพื่อที่เราจะสร้างอนาคตที่ดี
9. เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสแม้ว่าในปัจจุบันจะมีสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้นก็ตาม ให้เราคิดว่าสิ่งนั้นเป็นโอกาสที่จะมีสิ่งดีๆ ตามมา ตัวอย่างเช่น การสูญเสียงานที่ทำอาจเป็นโอกาสที่เราจะทำธุรกิจของตัวเองหรือกลับไปเรียนต่อก็เป็นได้
10. สร้างความคิดเป็นลำดับเป็นข้อๆ เปลี่ยนความคิดทางลบเป็นความคิดทางบวกเป็นขั้นๆ เช่น ถ้าเราคิดว่าหากเราเปลี่ยนสิ่งนั้นสิ่งนี้แล้วจะทำให้ดีขึ้น เราอย่าไปตำหนิตัวเอง โดยไม่เปิดช่องให้ความคิดดีๆเข้ามา แต่ให้เราคิดอยู่เสมอว่าไม่มีคนใดเป็นคนสมบูรณ์แบบแต่เราจะทำวันนี้ให้ดีมากกว่าวันพรุ่งนี้
11. สร้างงานในความคิดให้เป็นภาพฉายถึงความสำเร็จในสมองจะทำให้เป็นแรงจูงใจในการช่วยให้เรามีความคิดทางบวก และก้าวไปในหนทางข้างหน้า
12. คิดถึงวิธีที่จะทำให้ภาพในสมองเรานั้นเป็นภาคปฏิบัติ ขั้นตอนต่อมา คือ การลงมือทำ โดยมองเห็นภาพว่าเราจะไปที่ไหน และทำอย่างไร การคิดภาพในสมอง อย่างเดียวจะเป็นการสร้างความฝันในอากาศ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่การวางแผน เป็นขั้นตอนทีละขั้นจะทำให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จได้
การฝึกสมองให้คิดบวกเป็นการสร้างความหวังสำหรับความสุขและความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในชีวิต ให้เราเขียนเป็นข้อๆ ถึงเหตุผลต่างๆ ที่จะทำให้เราไปถึงจุดที่ประสบความสำเร็จได้ อย่าลืมให้กำลังใจและเสริมแรงตัวเองอีกทั้งลงมือปฏิบัติเป็นข้อๆ วันต่อวันทีละเล็กทีละน้อย ซึ่งจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ในไม่ช้า ขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ