xs
xsm
sm
md
lg

ทำความรู้จัก “โรคอยากขโมย” (Kleptomania)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


โดย...นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษา กรมสุขภาพจิต

จากกรณีมีข่าวเรื่องคนมีชื่อเสียงไปหยิบของในโรงแรมจนถูกจับได้ทำให้คำว่า “โรคอยากขโมย” (Kleptomania) กลับมาดังอีกครั้งหนึ่ง

โรคอยากขโมยอยู่ในกลุ่มความผิดปกติของการควบคุมตนเอง (Impulse Control Disorder) ซึ่งผู้ป่วยในกลุ่มนี้ไม่สามารถที่จะควบคุมความอยากของตนเองได้ เช่น การหยิบของ (ขโมย) การกิน การกัดเล็บ การจุดไฟ และสัมพันธ์กับกลุ่มเสพติดพฤติกรรม เช่น การติดอินเทอร์เน็ต ติดชอปปิ้ง ติดการพนัน และพฤติกรรมเรื่องอื่นๆ เป็นต้น

โรคอยากขโมยเริ่มระบาดหนักในยุคที่ศูนย์การค้า เติบโตราวดอกเห็ด เป็นสิ่งแวดล้อม หรือปุ๋ยที่ทำให้เกิดการขยายตัวของโรคนี้ทั่วโลก ถือเป็นโรคของสังคมนิยมบริโภค ภาวะนี้มันจะเกิดจากคนที่มีความเครียด หรือความกดดันในตนเองอยู่แล้ว พอเจอสิ่งที่อยากได้จะยิ่งทำให้เกิดความเครียดและว้าวุ่นใจมากขึ้น เมื่อหยิบของนั้นมาได้โดยไม่ถูกจับก็จะเกิดความผ่อนคลายทำให้เป็นการเรียนรู้ที่จะทำครั้งต่อๆ ไป จนกลายเป็นโรค มักเริ่มตั้งแต่วัยรุ่นหรือวัยหนุ่มสาวและติดมาจนเป็นผู้ใหญ่

โรคนี้ต่างกับคนที่จงใจขโมยโดยความจำเป็น เช่น ขาดแคลน หรือโดยการวางแผน เช่น วางแผนจะขโมยสมาร์ทโฟน แต่เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นทันทีขณะดูของและควบคุมตัวเองไม่ได้ที่จะแอบหยิบมา (ขโมย) โรคนี้รักษาได้ทั้งโดยยาและจิตบำบัด ควรรักษาเสียก่อนจะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะทุกวันนี้ระบบตรวจจับมีอยู่ทั่วไป และโรคนี้อาจนำไปสู่ความรู้สึกผิด ภาวะซึมเศร้า ติดสารเสพติด และฆ่าตัวตายได้

โรคนี้ป้องกันได้เพราะคนที่เป็นจะเริ่มจากการหยิบของด้วยความยาก ซึ่งมีสาเหตุร่วม 2 ประการ คือความเครียดที่สะสมในจิดกับความว้าวุ่นใจขณะมีความยาก ถ้าจัดการได้ก็จะป้องกันตนเองจากโรคได้ ตรงกันข้ามถ้าจัดการไม่ได้ก็จะทำซ้ำๆ จนกลายเป็นโรคไป ผลที่สุดถูกจับได้ก็จะเสียความรู้สึกและชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง วิธีการป้องกัน คือ 1. จัดการกับความเครียดให้ถูกวิธี เช่น ฝึกสมาธิ ฝึกหายใจคลายเครียดเพื่อไม่ให้มีความเครียดสะสม 2. จัดการกับความว้าวุ่นใจขณะเกิดความยาก เช่น นึกภาพอยู่ในตะราง กลับมาตั้งสติโดยรู้ลมหายใจ หยิกตัวเองให้กลับมารู้ตัว เป็นต้น และควรออกไปจากสถานที่นั้นโดยเร็ว

โดยสรุปเป็นโรคของสังคมบริโภคนิยม ที่ผู้คนมีความเครียดละจิตใจถูกซ้ำเติมด้วยความอยาก ซึ่งที่จริงก็เป็นสาเหตุของ “โรค” และไม่ใช่โรคอีกมากมายมหาศาลที่เป็นปัญหาสังคมในปัจจุบัน เช่น ความรุนแรง การฆ่าตัวตาย ติดยา ฯลฯ ดังนั้น ต้องมาช่วยกันจัดการความเครียดให้ถูก ร่วมไปกับการสร้างสังคมอย่างไรให้ไม่เครียด

สุดท้ายที่อยากขอร้อง คือ การลงข่าวของสื่อมวลชน รวมทั้งโซเชียลมีเดีย ในกรณีที่เกิดขึ้น ควรเคารพในสิทธิส่วนบุคคลและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การพาดหัวข่าวลงภาพ และประวัติส่วนตัวดูจะเกินเลย รวมทั้งน่าจะละเมิดจริยธรรมสื่อด้วย และไม่ค่อยให้ความรู้ ความเข้าใจที่จะสร้างประโยชน์ให้กับผู้อ่านที่ควรตระหนักว่าโรคอยากขโมยเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ และมีสาเหตุที่ซับซ้อนเกี่ยวข้อง ทั้งด้านการทำงานของสมอง การเรียนรู้ ความเครียด ตลอดจนภาวะสังคมด้วยจึงไม่ควรตีตราว่าผิดบาป แต่สร้างความเข้าใจ ความตระหนัก เตือนสติให้กับคนในสังคมในการเข้าใจการดำเนินชีวิต และกระตุ้นให้กลุ่มที่เสี่ยงป้องกันและหาทางแก้ไขต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น