เอ็นจีโอหนุนแก้กฎหมายบัตรทอง ชี้ คกก. ยกร่างมาจากทุกภาคส่วนเหมาะสม เสนอแก้ประเด็นตามคำสั่งมาตรา 44 ปลดล็อกปัญหาการเงิน ลั่นกฎหมายเก่ากำหนดคุณสมบัติเลขาฯ สปสช. ชัดเจน ป้องกันเอื้อประโยชน์
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และอดีตกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวถึงกรณี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการะรทรวงสาธารณสุข (สธ.) ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อแก้ไข พ.ร.บ. หลักประกันสถขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 หรือกฎหมายบัตรทองใหม่ ซึ่งมีทุกภาคส่วนที่เยวข้อร่วมเป็นกรรมการ ว่า หากดูตามคำสั่งถือว่าเหมาะสม เพราะกรรมการมาจากทุกภาคส่วน ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับแก้นั้น ตนเห็นว่า ควรแก้ในประเด็นปัญหาต่างๆ ที่นำไปสู่การออกคำสั่งตามมาตรา 44 ก่อนหน้านี้ แต่เรื่องการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และเรื่องการจัดสรรงบประมาณส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรแก้ แต่ควรแก้ปัญหาเรื่องการปฏิบัติที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการจัดสรรเงินลงไปยังหน่วยบริการ ส่วนจัดสรรงบให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่ทำงานส่งเสริม และสนับสนุนสุขภาพซึ่งเป็นปัญหาถกเถียงกันมากนั้น หากเขียนให้ชัดเจนลงไปเลยก็ถือเป็นเรื่องที่ดีว่ามี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งซึ่งเป็นงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวก็จัดสรรให้กับสถานพยาบาล กับอีกส่วนหนึ่งก็ให้กับหน่วยงานอื่นๆ ที่ทำหน้าที่สนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพประชาชน ซึ่งจริงๆ ของเดิมก็สามารถจัดสรรให้ได้อยู่แล้วส่วนประเด็นสัดส่วนคณะกรรมการนั้นจริงๆ ไม่ควรแก้ ถ้าแต่ละฝ่ายต่างก็จ้องจะแก้จะทำให้ยุ่ง ถ้ามีคนเสนอแก้นี่เรื่องจะยุ่ง
เมื่อถามถึงคุณสมบัติของเลจาการ สปสช. ควรแก้หรือไม่ นายนิมิตร์ กล่าวว่า จริงๆ จะไม่มีปัญหาหากการเมืองไม่เข้ามายุ่ง เพราะเรื่องคุณสมบัตินั้นกฎหมายก็เขียนเอาไว้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดการเอื้อประโยชน์ คนที่เคยทำสัญญากับ สปสช. ถือว่าไม่มีคุณสมบัติก็เพื่อป้องกันตรงนี้ ดังนั้น ถ้าจะแก้ต้องดูดีๆ ไม่ให้มีการเอื้อประโยชน์ตามทีไม่เข้าคุณสมบัติก็เพื่อป้องกันเรื่องของผลประโยชน์ เพื่อไม่ให้การเลือกเลขาฯ สปสช. อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญในการแก้กฎหมายครั้งนี้ต้องมีการเปิดเผยผลการหารือกันให้สาธารณชนทราบเรื่อยๆ อย่าคิดกันเอง แก้กันเองภายใน