xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ประสบอุทกภัยเครียดสูง พบ 1 ราย ซึมเศร้ารุนแรงหลังเสียลูกชาย ด้าน รพ.เกาะเต่า ย้ายผู้ป่วยหนีน้ำท่วม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รพ.เกาะเต่า ย้ายผู้ป่วยหนีน้ำท่วมผ่านเฮลิคอปเตอร์ไป รพ.เกาะพะงัน ด้าน รพ.ขอนแก่น ส่งทีมแพทย์ลง จ.สุราษฎร์ธานี ช่วยดูแลผู้ประสบอุทกภัย สบส. เร่งฟื้นฟู รพ. พร้อมช่วยเหลือ อสม. ในพื้นที่ ด้านกรมสุขภาพจิต เผย ปชช. เครียดสูง หวาดผวา พบซึมเศร้ารุนแรง พูดไม่รู้เรื่อง 1 ราย เหตุเสียลูกชาย เสี่ยงทำร้ายตัวเอง ต้องส่ง รพ. รักษา

ความคืบหน้าการดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ ล่าสุด วันนี้ (9 ม.ค.) โรงพยาบาลเกาะเต่า อ.พะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ได้ทำการส่งต่อผู้ป่วยด้วยเฮลิคอปเตอร์ ไปยังโรงพยาบาลเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อดูแลรักษาต่อแล้ว ขณะที่โรงพยาบาลขอนแก่น ได้ส่งทีมแพทย์ พยาบาล พร้อมยาและเวชภัณฑ์ เดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยจะเดินทางไปประจำยังโรงพยาบาลท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี

ด้าน นพ.วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ส่วนใหญ่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดย สบส. ได้จัดตั้งวอร์รูมเฉพาะกิจ เพื่อให้การช่วยเหลือฟื้นฟูสถานพยาบาลที่ถูกน้ำท่วมกว่า 100 แห่ง ให้มีความปลอดภัยพร้อมให้บริการประชาชน รวมถึงให้การสนับสนุนวิชาการเพื่อเผยแพร่ความรู้ประชาชนในการดูแลสุขภาพป้องกันโรคที่มาจากน้ำท่วม และการให้การช่วยเหลืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ที่ประสบภัย ซึ่งคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ดูแลสุขภาพประชาชนที่ประสบภัย นอกจากนี้ ตนได้มอบหมายให้สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ประสานคลินิกและโรงพยาบาลเอกชนใน กทม. และในพื้นที่ 13 จังหวัดภาคใต้ เพื่อจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการตรวจรักษาประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ซึ่งเดินทางยากลำบาก เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการอย่างทั่วถึง ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเจ็บป่วยซ้ำเติม

นพ.ประภาส จิตตาศิรินุวัตร รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า ได้สั่งการให้กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน เร่งสำรวจจำนวน อสม. ใน 13 จังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งคาดว่า จะมีไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นคน เพื่อให้การช่วยเหลือทางด้านปัจจัย 4 เนื่องจาก อสม. บางคนขาดที่พักอาศัยบ้านถูกน้ำพัดทั้งหลัง และมีบุคคลในครอบครัวเสียชีวิต จึงต้องให้การดูแลเป็นพิเศษ ขณะเดียวกัน ได้ประสานให้ อสม. ในทุกจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม เร่งสำรวจบ้านเรือนที่มีผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคไตวาย ผู้พิการ ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ และให้ทำเครื่องหมายเป็นสัญลักษณ์ติดไว้ที่หน้าบ้านว่าเป็นบ้านที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ โดย สบส. จะเร่งจัดอุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติงานของ อสม. เช่น รองเท้าบูต เสื้อชูชีพ ถุงดำ ไฟฉาย ถุงมือยาง ยาสามัญประจำบ้าน เรือท้องแบน เป็นต้น เพื่อให้ปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่

“วันนี้ได้ให้ทีมวิศวกรฉุกเฉิน จำนวน 2 ทีม ออกสำรวจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ใน จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สุราษฎร์ธานี ที่มียูนิตทำฟันซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เพื่อเร่งฟื้นฟูให้มีความปลอดภัยและพร้อมใช้งานได้ตามปกติ พร้อมทั้งให้เขตสนับสนุนบริการสุขภาพ เขต 11 จ.นครศรีธรรมราช จัดทีมวิศวกรติดตามเฝ้าระวังสถานพยาบาล ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันที่ จ.กระบี่ และ รพ.หลังสวน จ.ชุมพร เนื่องจากมีมวลน้ำเพิ่มขึ้นจากฝนตกหนัก” รองอธิบดี สบส. กล่าว

น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ภัยน้ำท่วมครั้งนี้เป็นการท่วมระลอกที่ 2 ซึ่งสถานการณ์รุนแรงมากในรอบ 30 ปี และอาจจะมีน้ำท่วมระลอกที่ 3 ตามมา ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีสภาพจิตใจที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง มีความเครียดสูง หวาดผวา เพราะจิตใจถูกกระทบกระเทือนสูง โดยสังเกตว่าตอนนี้พบคนเครียดเยอะ และเสี่ยงที่จะทำร้ายตัวเองค่อนข้างมาก แต่ก็ได้มีการส่งทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) จากหลายส่วนกระจายลงพื้นที่คลอบคลุมทุกจังหวัด ซึ่งจากการตรวจคัดกรองและประเมินความเสี่ยงประชาชนที่ประสบเหตุที่ อุ.จุฬาภรณ์ และ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรง โดยคัดกรองกว่า 300 คน พบมีปัญหาสุขภาพจิต 3 คน โดย 1 คนมีปัญหาซึมเศร้ารุนแรง พูดไม่รู้เรื่อง เหม่อลอย เสี่ยงทำร้ายตัวเองมาก เนื่องมาจากสูญเสียลูกชายไปกับเหตุการณ์น้ำท่วม ขณะนี้ได้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสราญรมย์แล้ว ส่วนอีก 1 ราย มีภาวะโศกเศร้าอย่างมากจากการสูญเสียลูกและภรรยาไปกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องส่งตัวเข้ารับการบำบัดที่โรงพยาบาล แต่ก็ได้จัดทีมให้ความช่วยเหลือแนะนำอย่างเต็มที่




กำลังโหลดความคิดเห็น