แพทยสภาชี้ ยังไม่ถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ “หมอนิ่ม” จนกว่าคดีจะถึงที่สุด เผย กรณีฆ่าคนทำเสื่อมเสียเกียรติวิชาชีพ ที่ผานมาดำเนินการถอนใบอนุญาตฯ หลังคดีสิ้นสุด
จากกรณีศาลจังหวัดมีนบุรี มีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือ หมอนิ่ม จำเลยคดีจ้างวานฆ่าสามี นายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม หรือ เอ็กซ์ อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ขณะที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 1 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และกรณีศาลพิพากษาประหารชีวิต พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ ข้อหาร่วมกันฆ่าแรงงานชาวพม่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
วันนี้ (22 ธ.ค.) ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า คดีของ พญ.นิธิวดี ยังไม่ถึงที่สิ้นสุดของคดี แพทยสภาจึงยังไม่ดำเนินการถอนการเป็นสมาชิกแพทยสภา หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือดำเนินการใดๆ กับ พญ.นิธิวดี จึงยังถือว่าสามารถประกอบวิชาชีพแพทย์ได้จนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุดและศาลมีคำพิพากษาเป็นอย่างไร แพทยสภาจึงจะดำเนินการพิจารณาในเรื่องการเป็นสมาชิกแพทยสภา ส่วนกรณี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ขณะนี้แพทยสภาอยู่ระหว่างการดำเนินการขอคำพิพากษาของศาล
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตามปกติผู้ที่สำเร็จปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตจะประกอบอาชีพแพทย์ได้ จะต้องเป็นสมาชิกแพทยสภาและมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งในมาตรา 11 พ.ร.บ. วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 กำหนดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกไว้เป็นข้อหนึ่ง คือ ไม่เคยต้องโทษจำคุก โดยคำพิพากษาถึงที่สุด หรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้จำคุกในคดีที่คณะกรรมการเห็นว่าจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ ดังนั้น หากแพทย์ที่เป็นสมาชิกแพทยสภาและมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมทำผิดกฎหมายบ้านเมือง โดยศาลตัดสินถึงที่สุดแล้วให้ต้องโทษให้จำคุก แพทยสภาก็จะดำเนินการขอคำพิพากษาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการแพทยสภา เพื่อพิจารณาว่าการกระทำความผิดที่ทำให้ต้องได้รับโทษจำคุกนั้น ทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพหรือไม่ หากคณะกรรมการเห็นว่าไม่ทำให้เสื่อมเสีย บุคคลผู้นั้นก็ยังเป็นสมาชิกแพทยสภาต่อไปได้ แต่หากพิจารณาว่าทำให้เสื่อมเสีย ก็จะถอนการเป็นสมาชิกแพทยสภา เมื่อไม่เป็นสมาชิกแพทยสภาก็จะส่งผลให้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมถูกเพิกถอน ก็จะมีอาชีพเป็นแพทย์อีกไม่ได้และไม่สามารถมาขอเป็นสมาชิกใหม่ได้เนื่องจากขาดคุณสมบัติ
“กรณีการฆ่าคน แน่นอนย่อมทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ แต่ในการพิจารณาก็อยู่ที่การวินิจฉัยของคณะกรรมการแพทยสภา ซึ่งที่ผ่านมาแพทย์ที่ต้องคดีเกี่ยวกับการฆ่าผู้อื่น และศาลตัดสินถึงที่สุดแล้ว แพทยสภาก็ดำเนินการถอนการเป็นสมาชิกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทำให้ไม่สามารถเป็นแพทย์ได้อีกไปแล้วทั้งสิ้น” นายกแพทยสภา กล่าว