xs
xsm
sm
md
lg

ผู้โดยสารยี้ “หมวกกันน็อก” เน่า ไม่ยอมสวม แนะพก “ที่คลุมผม” เอง บี้ ตร.จับปรับ “คนซ้อน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นักวิชาการจี้เอาจริงรณรงค์คู่จับปรับ“"ผู้โดยสาร” ยี้หมวกกันน็อก ไม่ยอมสวม คาด ช่วยเพิ่มการสวมหมวกกันน็อกแบบคนขับมอเตอร์ไซค์ได้ เผยไม่สวมทั้งคนขับคนซ้อนโดนปรับรวมกันถึง 1,500 บาท แนะพกหมวกกันน็อก หรือหมวกคลุมผมกันเปื้อนเอง เลี่ยงหมวกกันน็อกเน่าของวินมอเตอร์ไซค์

รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวถึงปัญหาผู้โดยสารรถจักรยานยนต์รับจ้างไม่นิยมสวมหมวกนิรภัย เนื่องจากกลัวเรื่องความไม่สะอาดของหมวกนิรภัย และเชื้อโรคแฝง ขณะที่วัยรุ่นมักห่วงเรื่องทรงผมเสียทรง ว่า มาตรการดำเนินการก็ต้องทำเหมือนกับตอนรณรงค์ให้คนขับจักรยานยนต์รับจ้างหรือวินมอเตอร์ไซค์สวมหมกนิรภัย หรือหมวกกันน็อก คือ ต้องมีทั้งการสนับสนุนการใช้หมวกกันน็อก การให้ความรู้ การรณรงค์ ควบคู่ไปกับการควบคุม โดยจะต้องเอาจริงเอาจังกับการจับปรับ เพราะมีการแก้ไข พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาหลายปีแล้วว่า ผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกกันน็อกด้วย มิเช่นนั้นจะมีโทษปรับ

“หากผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกกันน็อก มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท และหากผู้โดยสารไม่สวมหมวกกันน็อก ผู้โดยสารจะเสียค่าปรับไม่เกิน 500 บาท และปรับผู้ขับขี่เพิ่มด้วยไม่เกิน 500 บาท ดังนั้น หากไม่สวมหมวกทั้งคนขับและคนซ้อน จะมีโทษปรับรวมกันประมาณ 1,500 บาท” รศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าวและว่า ในส่วนของ กทม. ขณะนี้ถือว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มีความรับผิดชอบและทำตามกฎหมายมากขึ้น จะเห็นได้ว่ามีการสวมหมวกกันน็อกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็เป็นเพราะมาจากการรณรงค์ให้สวมหมวก และมีการจับปรับ ก็ช่วยสร้างบรรยากาศให้คนต้องสวมหมวกเป็นวิถีชีวิตขึ้นมา ดังนั้น ในกลุ่มผู้โดยสารก็เช่นกัน หากจะเพิ่มการสวมหมวกกันน็อกก็ต้องทำแบบเดียวกันกับตอนรณรงค์ให้คนขับสวมหมวกกันน็อก คือ จะต้องรณรงค์ ส่งเสริมให้เกิดการสวมหมวกกันน็อก และตำรวจต้องมีการเอาผิดอย่างจริงจัง

รศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยฯ เคยดำเนินการเรื่องนี้ในซอยโยธีมาแล้ว โดยมีการเรียกวินมอเตอร์ไซค์ทั้งต้นซอย กลางซอย และปากซอยมาพูดคุยกันเรื่องสวมหมวกกันน็อกทั้งคนขับและคนซ้อน โดยมีการแจกหมวกกันน็อกและที่แขวนหมวก รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานเอกชนในการแจกหมวกคลุมผมกันเปื้อนอีกประมาณหมื่นกว่าใบ แต่สุดท้ายก็พบว่าไม่มีการเอาออกมาใช้ หมวกกันน็อกเอาไปก็หาย ผู้โดยสารขึ้นรถก็ไม่บอกเสนอหมวกกันน็อก ซึ่งจากการขอให้ตำรวจมายืนหัวซอยและท้ายซอย พบว่า หลังจาก 5 นาที ทุกคนก็สวมหมวกกันน็อกกันหมดทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ดังนั้น ต้องสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการสวมหมวกกันน็อกทั้งผู้ขับและผู้โดยสารให้เป็นวิถีชีวิต ซึ่งช่วงแรกอาจจะช้า แต่เมื่อทำไปถึงจุดหนึ่งที่บรรยากาศทุกคนเริ่มหันมาสวม การรณรงค์ให้สวมหมวกกันน็อกเพิ่มมากขึ้นก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้น เพราะใครๆ ก็สวม อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ต้องโดยสารวินมอเตอร์ไซค์บ่อยครั้ง หากกังวลเรื่องความไม่สะอาดของหมวกกันน็อก ก็อาจพกหมวกกันน็อกเอง หรือหาหมวกคลุมผมกันเปื้อนมาป้องกันได้
กำลังโหลดความคิดเห็น