แพทย์เผยเด็กติดเชื้อ “เอชไอวี” จากการมีเซ็กซ์ อายุน้อยสุดที่ 12 ปี เล็งทำการศึกษาให้ “ยาเพร็พ” ป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น ส่งผลการเจริญเติบโต - มีวินัยในการกินยาหรือไม่
วันนี้ (1 ธ.ค.) พญ.นิตยา ภานุภาค พึ่งพาพงศ์ หัวหน้าทีมป้องกันการติดเชื้อ ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันพบอัตราการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีในกลุ่มวัยรุ่นสูงขึ้น สวนทางกับสถานการณ์การติดเชื้อในภาพรวมของประเทศที่ลดลง โดยข้อมูลจากคลินิกนิรนามที่มีการติดตามเด็กและวัยรุ่นที่เข้ามาตรวจเลือดต่อเนื่อง พบว่า กลุ่มอายุ 15 - 19 ปี มีการติดเชื้อสูงเป็น 2 เท่าของกลุ่มอายุ 20 - 24 ปี โดยเฉพาะวัยรุ่นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย พบการติดเชื้อสูงกว่าวัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์รูปแบบอื่น และถ้าไม่นับรวมกรณีการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกแล้ว พบว่า เด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีจากการมีเพศสัมพันธ์อายุน้อยสุดเพียง 12 - 13 ปี ซึ่งเป็นไปตามผลการศึกษาอายุเฉลี่ยของการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก
พญ.นิตยา กล่าวว่า ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ จึงร่วมกับองค์กรยูนิเซฟ จัดทำโครงการนำร่องให้ยาเพร็พ (PrEP: Pre-Exposure Phophylaxis) ในกลุ่มเด็กวัยรุ่นอายุ 15 - 19 ปี ในจังหวัดเชียงใหม่ พัทยา กทม. และ หาดใหญ่ จำนวน 2,500 คน เพื่อศึกษาเรื่องการกินยา ความสามารถในการกินยาอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ว่า ในกลุ่มเด็กมีวินัยในการกินยาและมีผลกระทบหรือไม่ โดยเฉพาะผลกระทบต่อการเจริญเติบโต เพราะยาเพร็พมีผลทำให้กระดูกบาง และมีปัญหาการทำงานของไต แต่ไม่เคยมีการศึกษาในกลุ่มเด็กมาก่อน มีเพียงการศึกษาในกลุ่มผู้ใหญ่ ซึ่งพบว่าเมื่อหยุดกินยาเพร็พแล้วทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นปกติได้ ซึ่งส่วนตัวมองว่าถ้าตามทฤษฎีแล้วไม่น่ามีผลกระทบเหมือนกัน ส่วนเรื่องกระดูกของเด็กที่อยู่ในช่วงกำลังโต ตนมองว่า พอเด็กกินยานี้แล้ว พอหยุดกินยิ่งกระตุ้นให้มีพัฒนาการแบบก้าวกระโดดหรือไม่ จึงต้องมีการศึกษาอย่างชัดเจน โดยคาดว่าน่าจะเริ่มโครงการได้ประมาณกลางปี 2560