“หมอหลวง” แนะเปลี่ยนความเศร้าเป็นพลัง ทำความดีเพื่อผู้อื่นตามพระราชปณิธาน “ในหลวงรัชกาลที่ ๙” ย้ำต้องสามัคคี ไม่เพ่งโทษ
วันนี้ (17 ต.ค.) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และอดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงการแสดงความจงรักภักดีของประชาชนไทย ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา ตนได้ไปร่วมถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมที่สวดพระอภิธรรมพระบรมศพที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เป็นช่วงที่มีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่ประชาชนก็ไม่ถอย เห็นแล้วอธิบายไม่ถูก ความจงรักภักดี ความศรัทธา ที่ทุกคนเห็นพระองค์ท่านเป็นยิ่งกว่าพ่อ ยังไม่รู้เลยว่าถ้าเป็นพ่อเราฝนตกอย่างนี้จะวิ่งหนีหรือไม่ อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนเปลี่ยนความโศกเศร้าเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ในการทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นตามรอยเบื้องพระยุคลบาท
“ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ทรงทำประโยชน์เพื่อคนอื่นมาตลอด พระองค์ท่านเสียสละพระวรกาย ปัญญา และความคิด เพื่อประชาชนโดยแท้จริง ไม่มีสิ่งใดแอบแฝง เราจะเห็นหรือไม่เห็นพระองค์ท่านก็ทำ เมื่อพระองค์ท่านจากไปสิ่งต่าง ๆ ก็ปรากฏ นี่คือ ปรัชญา ความเชื่อที่ผมยึดในการดำรงชีวิต หลาย ๆ คน ก็เป็นเช่นนี้ ดังนั้น อยากขอให้ทุกคนเปลี่ยนความเศร้าโศกเป็นพลังในการทำประโยชน์เพื่อประชาชน และประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า สมตามพระราชปณิธานของพระองค์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด คือ ต้องมีความสามัคคีกัน ไม่เพ่งโทษ และพยายามที่จะสนับสนุนเกื้อกูลสิ่งที่ดีให้ประเทศนี้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขพร้อมทำทุกอย่างตามพระราชปณิธานของพระองค์” รมว.สธ. กล่าว
เมื่อถามว่า พระองค์เคยมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับงานด้านสาธารณสุขอย่างไรบ้าง นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เคยมีพระราชดำรัสว่า สุขภาพของทุกชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะการจะพัฒนาสิ่งใดให้เกิดขึ้นได้ สุขภาพของคนผู้นั้นต้องดีก่อน เห็นได้จากการเสด็จพระราชดำเนินไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่ใดก็ตาม จะมีทีมแพทย์พระราชทานตามไปด้วยทุกครั้ง ซึ่งไม่ได้ให้การรักษาพยาบาลเพียงอย่างเดียว แต่ดูแลและถวายรายงานเพื่อการป้องกันด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พระองค์ท่านปฏิบัติมาตลอดพระชนม์ชีพ เพราะพระองค์ท่านมองการพัฒนาประเทศอย่างครบวงจร ซึ่งพวกเราก็จะเดินตามแนวทางของพระองค์เช่นกัน