สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ถวายอาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ขอประชาชนชาวไทยตั้งมั่นในความสงบ น้อมนำพระบรมราโชวาทมาสู่การปฏิบัติ ขณะที่ประชุมมหาเถรฯวาระพิเศษ ออกประกาศมหาเถรฯ ให้วัดทั่วโลก - คณะสงฆ์ บำเพ็ญพระราชกุศลถวายเป็นพระราชกุศลตั้งแต่ 14 ต.ค. นี้ เป็นต้นไป
`
วันนี้ 14 ต.ค. สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช มีคำถวายอาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ความว่า ในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ องค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐสวรรคต นับเป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของเราทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง พระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ทั้งทั้งปวงที่ทรงบำเพ็ญมา เป็นไปเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า
มาบัดนี้ดวงประทีปที่ส่องสว่างกลางใจของเราตลอดกาลได้ดับลงแล้ว ขอให้เราทั้งหลายจงตั้งมั่นอยู่ในความสงบ ดำรงอยู่ในพระบรมราโชวาทที่ตรัสไว้ในวาระนั้น ๆ ตั้งแต่ปฐมบรมราชโองการที่ตรัสไว้เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ขอให้เราทั้งหลาย จงสำรวมกัลยาณจิต อุทิศกัลยาณผล ที่ได้บำเพ็ญให้เป็นไป น้อมเกล้าฯ ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
ขอให้พระภิกษุสามเณรทั่วสังฆมณฑลและในต่างประเทศ พร้อมทั้งประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ได้พร้อมใจกันทำวัตรสวดมนต์และเจริญจิตตภาวนาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลทุกวัน ในพระอุโบสถหรือในสถานที่อันเหมาะสมภายในวัด ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป
ในวันเดียวกันที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) วาระพิเศษ โดยมี สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน มีกรรมการ มส. เข้าประชุมทุกรูปเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ นายประดับ โพธิกาญจนวัตร โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวภายหลังการประชุม มส. วาระพิเศษว่า ที่ประชุม มส. ได้รับทราบการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และเจริญจิตตภาวนาปลงธรรมสังเวช เป็นเวลา 9 นาที และที่ประชุม มส. โดยได้มีมติออกประกาศมหาเถรสมาคม เรื่อง แนวทางการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล โดยให้คณะสงฆ์และวัดทุกวัดทั้งในและต่างประเทศ ดำเนินการดังนี้ 1. จัดโต๊ะหมู่บูชา ประดิษฐานพระบรมรูป/พระบรมฉายาลักษณ์/พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ (ภาพสีหรือขาวดำ) พร้อมตั้งเครื่องบูชาทองน้อย ภายในพระอุโบสถ/อุโบสถ หรือสถานที่ที่สมพระเกียรติ ภายในวัด
2. ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในเวลา 15.52 น. หรือตามเวลาที่เหมาะสมทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือน เริ่มตั้งแต่ วันที่ 14 ต.ค. เป็นต้นไป
โดยวัดทุกวัดเป็นเจ้าภาพและเชิญชวนประชาชนร่วมถวายเป็นพระราชกุศล 3. ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เมื่อครบกำหนดสัตตมวาร (7 วัน) ปัญญาสมวาร (50 วัน) และ สตมวาร (100 วัน) 4. สำหรับสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด เมื่อครบสัตตมวาร (7 วัน) ปัญญาสมวาร (50 วัน) และ สตมวาร (100 วัน) ให้จัดปฏิบัติธรรมมีกำหนดคราวละ 7 วัน 5. เจริญจิตตภาวนาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลหลังทำวัตรสวดมนต์เย็นทุกวัน และ 6. เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมบำเพ็ญบุญด้วยการสวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา รักษาศีล ฟังธรรม และปฏิบัติธรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ตลอดระยะเวลา 1 ปี จึงประกาศให้ทราบทั่วกัน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ตั้งคณะกรรมการเตรียมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประธาน มีกรรมการ มส. ทุกรูปเป็นกรรมการ มี ผอ.พศ. เป็นเลขานุการ ส่วนการเจริญพระพุทธมนต์ทุกวันจันทร์และวันศุกร์นั้น ยังคงดำเนินการต่อ แต่ปรับรูปแบบใหม่ โดยวันจันทร์ เป็นสวดพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ส่วนวันศุกร์ ยังคงใช้การเจริญพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบด้วย สำหรับพิธีกฐินพระราชทาน ที่ประชุมมส. ยังให้คงดำเนินพิธีไปตามกำหนดการปกติ เมื่อครบสัตตมวาร (7 วัน) ปัญญาสมวาร (50 วัน) และ สตมวาร (100 วัน) ให้จัดปฏิบัติธรรมมีกำหนดคราวละ 7 วัน 5. เจริญจิตตภาวนาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลหลังทำวัตรสวดมนต์เย็นทุกวัน
6. เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมบำเพ็ญบุญด้วยการสวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา รักษาศีล ฟังธรรม และปฏิบัติธรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ตลอดระยะเวลา 1 ปี จึงประกาศให้ทราบทั่วกัน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ตั้งคณะกรรมการเตรียมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประธาน มีกรรมการ มส. ทุกรูปเป็นกรรมการ มี ผอ.พศ. เป็นเลขานุการ ส่วนการเจริญพระพุทธมนต์ทุกวันจันทร์และวันศุกร์นั้น ยังคงดำเนินการต่อ แต่ปรับรูปแบบใหม่ โดยวันจันทร์ เป็นสวดพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ส่วนวันศุกร์ ยังคงใช้การเจริญพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบด้วย สำหรับพิธีกฐินพระราชทาน ที่ประชุม มส. ยังให้คงดำเนินพิธีไปตามกำหนดการปกติ
`
วันนี้ 14 ต.ค. สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช มีคำถวายอาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ความว่า ในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ องค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐสวรรคต นับเป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของเราทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง พระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ทั้งทั้งปวงที่ทรงบำเพ็ญมา เป็นไปเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า
มาบัดนี้ดวงประทีปที่ส่องสว่างกลางใจของเราตลอดกาลได้ดับลงแล้ว ขอให้เราทั้งหลายจงตั้งมั่นอยู่ในความสงบ ดำรงอยู่ในพระบรมราโชวาทที่ตรัสไว้ในวาระนั้น ๆ ตั้งแต่ปฐมบรมราชโองการที่ตรัสไว้เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ขอให้เราทั้งหลาย จงสำรวมกัลยาณจิต อุทิศกัลยาณผล ที่ได้บำเพ็ญให้เป็นไป น้อมเกล้าฯ ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
ขอให้พระภิกษุสามเณรทั่วสังฆมณฑลและในต่างประเทศ พร้อมทั้งประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ได้พร้อมใจกันทำวัตรสวดมนต์และเจริญจิตตภาวนาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลทุกวัน ในพระอุโบสถหรือในสถานที่อันเหมาะสมภายในวัด ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป
ในวันเดียวกันที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) วาระพิเศษ โดยมี สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน มีกรรมการ มส. เข้าประชุมทุกรูปเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ นายประดับ โพธิกาญจนวัตร โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวภายหลังการประชุม มส. วาระพิเศษว่า ที่ประชุม มส. ได้รับทราบการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และเจริญจิตตภาวนาปลงธรรมสังเวช เป็นเวลา 9 นาที และที่ประชุม มส. โดยได้มีมติออกประกาศมหาเถรสมาคม เรื่อง แนวทางการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล โดยให้คณะสงฆ์และวัดทุกวัดทั้งในและต่างประเทศ ดำเนินการดังนี้ 1. จัดโต๊ะหมู่บูชา ประดิษฐานพระบรมรูป/พระบรมฉายาลักษณ์/พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ (ภาพสีหรือขาวดำ) พร้อมตั้งเครื่องบูชาทองน้อย ภายในพระอุโบสถ/อุโบสถ หรือสถานที่ที่สมพระเกียรติ ภายในวัด
2. ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในเวลา 15.52 น. หรือตามเวลาที่เหมาะสมทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือน เริ่มตั้งแต่ วันที่ 14 ต.ค. เป็นต้นไป
โดยวัดทุกวัดเป็นเจ้าภาพและเชิญชวนประชาชนร่วมถวายเป็นพระราชกุศล 3. ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เมื่อครบกำหนดสัตตมวาร (7 วัน) ปัญญาสมวาร (50 วัน) และ สตมวาร (100 วัน) 4. สำหรับสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด เมื่อครบสัตตมวาร (7 วัน) ปัญญาสมวาร (50 วัน) และ สตมวาร (100 วัน) ให้จัดปฏิบัติธรรมมีกำหนดคราวละ 7 วัน 5. เจริญจิตตภาวนาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลหลังทำวัตรสวดมนต์เย็นทุกวัน และ 6. เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมบำเพ็ญบุญด้วยการสวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา รักษาศีล ฟังธรรม และปฏิบัติธรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ตลอดระยะเวลา 1 ปี จึงประกาศให้ทราบทั่วกัน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ตั้งคณะกรรมการเตรียมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประธาน มีกรรมการ มส. ทุกรูปเป็นกรรมการ มี ผอ.พศ. เป็นเลขานุการ ส่วนการเจริญพระพุทธมนต์ทุกวันจันทร์และวันศุกร์นั้น ยังคงดำเนินการต่อ แต่ปรับรูปแบบใหม่ โดยวันจันทร์ เป็นสวดพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ส่วนวันศุกร์ ยังคงใช้การเจริญพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบด้วย สำหรับพิธีกฐินพระราชทาน ที่ประชุมมส. ยังให้คงดำเนินพิธีไปตามกำหนดการปกติ เมื่อครบสัตตมวาร (7 วัน) ปัญญาสมวาร (50 วัน) และ สตมวาร (100 วัน) ให้จัดปฏิบัติธรรมมีกำหนดคราวละ 7 วัน 5. เจริญจิตตภาวนาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลหลังทำวัตรสวดมนต์เย็นทุกวัน
6. เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมบำเพ็ญบุญด้วยการสวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา รักษาศีล ฟังธรรม และปฏิบัติธรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ตลอดระยะเวลา 1 ปี จึงประกาศให้ทราบทั่วกัน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ตั้งคณะกรรมการเตรียมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประธาน มีกรรมการ มส. ทุกรูปเป็นกรรมการ มี ผอ.พศ. เป็นเลขานุการ ส่วนการเจริญพระพุทธมนต์ทุกวันจันทร์และวันศุกร์นั้น ยังคงดำเนินการต่อ แต่ปรับรูปแบบใหม่ โดยวันจันทร์ เป็นสวดพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ส่วนวันศุกร์ ยังคงใช้การเจริญพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบด้วย สำหรับพิธีกฐินพระราชทาน ที่ประชุม มส. ยังให้คงดำเนินพิธีไปตามกำหนดการปกติ