แพทย์เผย “บ่อรับน้ำฝน” แหล่งรวมเชื้อโรค โอกาสติดเชื้อในปอดสูงหากสำลักน้ำเข้าปอด ย้ำ “สำลักน้ำสะอาด” ก็เสี่ยงติดเชื้อได้ เหตุน้ำลายมีเชื้อแบคทีเรียประจำถิ่น ระบุ โอกาสติดเชื้อขึ้นกับปริมาณเชื้อ และความสะอาดของน้ำ
ความคืบหน้าการรับน้องคณะพาณิชย์นาวีนานาชาติ วิทยาเขตศรีราชา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่มีการให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ลงไปดำน้ำในบ่อบำบัดน้ำเสีย และเกิดการจมน้ำ จนติดเชื้อในปอด ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลชลบุรี แต่ภายหลังรักษาการอธิการบดี ม.เกษตรศาสตร์ ชี้แจงว่า เป็นเพียงบ่อบำบัดน้ำฝนเท่านั้น และจะมีการตรวจสอบเรื่องนี้พร้อมแสดงความรับผิดชอบนั้น
วันนี้ (11 ก.ย.) รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ นายกสมาคมเวชบำบัดวิกฤตแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีการติดเชื้อในปอดจากการจมน้ำ ว่า โดยปกติแล้วเมื่อมีการสำลักน้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำจากแหล่งใดก็ตาม หากสำลักลงปอดก็สามารถทำให้เกิดอาการปอดอักเสบได้ ซึ่งปอดอักเสบมีทั้งที่เกิดจากการติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ ที่สำคัญ แม้แต่การสำลักน้ำดื่มที่สะอาดก็มีโอกาสทำให้ปอดอักเสบและเกิดการติดเชื้อในปอดได้เช่นกัน เพราะน้ำลายในปากมนุษย์มีเชื้อโรคเยอะอยู่แล้ว โดยเชื้อโรคประจำถิ่นในน้ำลายคือแบคทีเรีย เช่น แอนแอโรบิก แบคทีเรีย เป็นต้น จะเห็นได้ว่าคนที่นอนหลับปกติเมื่อนอนสำลักน้ำลายตนเองก็ทำให้เกิดการติดเชื้อในปอดได้เช่นกัน เพียงแต่โอกาสในการติดเชื้อจะผันแปรไปตามปริมาณของเชื้อโรค รวมถึงความสกปรกของแหล่งน้ำด้วย ยิ่งแหล่งน้ำมีความสกปรกเชื้อโรคแปลก ๆ ก็จะมาก โอกาสการติดเชื้อก็ยิ่งมากขึ้น อย่างที่ปรากฏเป็นข่าวบ่อย ๆ ว่า มีการตกน้ำแล้วเกิดเชื้อราขึ้นสมอง
รศ.นพ.ฉันชาย กล่าวว่า สำหรับบ่อรับน้ำฝนถือว่ายิ่งมีเชื้อโรคมาก เพราะรับแหล่งน้ำมาจากธรรมชาติโดยตรง ซึ่งก็มีเชื้อโรคในสิ่งแวดล้อมมากอยู่แล้ว หากมีการจมน้ำ สำลักน้ำเข้าปอดก็ย่อมมีโอกาสติดเชื้อได้ ส่วนการรักษานั้นหากมีการติดเชื้อในปอด แพทย์ก็จะให้ยารักษาที่ครอบคลุมเชื้อทั้งหมดก่อน เพราะยังไม่ทราบว่าผู้ป่วยติดเชื้ออะไร เนื่องจากรอผลการเพาะเชื้อไม่ได้ แต่เมื่อทราบผลการเพาะเชื้อแล้วก็จะให้ยาจำเพาะได้มากขึ้น นอกจากนี้ ก็จะเป็นการรักษาแบบประคับประคอง การใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อให้ออกซิเจนเพียงพอ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่