แพทยสภามีมติไม่รับคนโกงข้อสอบเป็น “หมอ” ชี้ หนีไปเรียนต่างประเทศก็กลับมาเป็นไม่ได้ ย้ำ ไม่ต้องการคนไม่มีคุณภาพ ไม่ซื่อสัตย์มาทำวิชาชีพเสื่อมเสีย พร้อมขยายผลกลุ่มหมอ มีเจตนาทุจริตฟันจริยธรรมทันที
จากกรณีการทุจริตสอบเข้าวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และ เภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยพบการใช้แว่นตาติดกล้อง และนาฬิกาสมาร์ทวอตช์ในการใช้ส่งคำตอบ ซึ่งจับผู้กระทำความผิดได้ 5 ราย ถือเป็นขบวนการทุจริตสุดไฮเทคที่มีสถาบันกวดวิชาเถื่อนร่วมด้วยนั้น
วันนี้ (12 พ.ค.) ในการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา มีการพิจารณาวาระเร่งด่วน กรณีนักศึกษาทุจริตสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต โดย นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ว่า นักเรียน หรือ นักศึกษา ที่สอบเข้ามาเพื่อเรียนแพทย์นั้น หากเริ่มต้นด้วยการทุจริตและไม่ซื่อสัตย์แล้ว ถือว่าเป็นปัญหาต่อวิชาชีพทางการแพทย์อย่างมาก ที่ประชุมจึงสรุปว่าเป็นความผิดทั้งทางจริยธรรม และ คุณธรรม อย่างร้ายแรง และจะนำพาความเสื่อมเสียมาสู่วิชาชีพ จึงมีมติว่า ผู้ใดที่พิสูจน์แล้วว่าทุจริตในการสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์จริง ไม่สามารถเป็นสมาชิกของแพทยสภาได้ ไม่สามารถขึ้นทะเบียนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพได้ นั่นคือ หมดสิทธิ์ที่จะเป็นแพทย์ แม้จะไปเรียนจบจากต่างประเทศมา ก็ขึ้นทะเบียนเป็นแพทย์ในประเทศไทยไม่ได้ สำหรับกรณีดังกล่าวถือว่ามีหลักฐานกระทำความผิดชัดเจน ทั้งแว่นตา และนาฬิกาสมาร์ทวอตช์
“ในที่ประชุมได้มีการนำเสนออีกว่ายังมีการทุจริตรูปแบบอื่น ๆ อีก เช่น การโกงคะแนนข้อสอบ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการโกงในรูปแบบใดก็หมดสิทธิ์ในการเป็นสมาชิกแพทยสภา เพราะแพทยสภาไม่ยินดีที่จะได้คนที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ซื่อสัตย์เข้ามาเป็นสมาชิก ถือว่าเป็นหมอไม่ได้ นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นว่าควรขยายไปในกลุ่มที่เป็นแพทย์แล้วด้วย หากกระทำการผิดพลาดที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเหตุสุดวิสัยกไม่เท่าไร แต่หากมีเจตนาทุจริตก็จะลงโทษจริยธรรมด้วยเช่นกัน” เลขาธิการแพทยสภา กล่าวและว่า ส่วนกรณีที่มีแพทย์ไปเป็นที่ปรึกษาสถาบันกวดวิชานั้นสามารถทำได้ แต่จะไปให้เครดิตมากไม่ได้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่