กรมวิทย์ สำรวจพบเครื่องสำอางลอบผสมสารสเตียรอยด์เพิ่มขึ้น เล็งสำรวจเพิ่มแหล่งขายตรง ขายออนไลน์ ตลาดต่างจังหวัด เตือนสาวอยากหน้าขาวใสได้หน้าพัง เหี่ยวแก่เร็ว เกิดด่างขาวถาวร
นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า สำนักเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย กรมวิทย์ ได้เฝ้าระวังสถานการณ์การใช้สารสเตียรอยด์ที่ผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ตั้งแต่ปี 2555 - 2557 พบว่า แนวโน้มการใช้สารสเตียรอยด์มีมากขึ้น และในปี 2558 ได้สุ่มเก็บตัวอย่างเครื่องสำอางประเภทหน้าขาวจากร้านค้าตามแหล่งต่าง ๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จำนวน 50 ตัวอย่าง ผลการตรวจพบสารสเตียรอยด์ จำนวน 3 ตัวอย่าง ซึ่งตัวอย่างที่ตรวจพบนี้เป็นครีม เพื่อใช้ให้หน้าขาวที่ไม่แจ้งผู้ผลิต วันที่ผลิตและวันหมดอายุ กรมฯ จึงเตรียมสำรวจตัวอย่างจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม เช่น ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากการขายตรง ทางออนไลน์ และในตลาดต่างจังหวัด เพื่อให้ได้ภาพรวมของประเทศในการคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งแจ้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อเฝ้าระวังต่อไป
นพ.อภิชัย กล่าวว่า หากใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ประมาณ 2 - 4 สัปดาห์ จะทำให้เกิดผดผื่นได้ง่าย เป็นสิวผด เป็นปื้น ๆ ผิวแดง มีอาการคัน ผิวบางและแพ้ง่าย สิวเกิดเป็นเม็ดแดง ๆ ขึ้นกระจายทั่วใบหน้า หรือเป็นกระจุกบริเวณใดบริเวณหนึ่ง แต่จะขึ้นมากบริเวณที่ทาครีมหรือยาที่มีสเตียรอยด์ เกิดสิวอุดตัน หลังหยุดใช้สเตียรอยด์ ผิวจะดูเหี่ยวเร็ว เพราะสเตียรอยด์จะเข้าทำลายกระบวนการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้หน้าหมองคล้ำได้ เนื่องจากผิวขาดความชุ่มชื้น เกิดรอยแตก รอยแยกบนผิวหนัง เส้นเลือดใต้ผิวหนังผิดปกติ ทำให้มีอาการหน้าแดงอยู่ตลอดเวลา ผิวหนังจะมีสีจางลง หากใช้เป็นเวลานาน ทำให้เกิดด่างขาวถาวร
“เพื่อความปลอดภัยในการซื้อเครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ โดยเฉพาะครีมหน้าขาว หน้าใสทุกครั้ง ขอให้ผู้ซื้อตรวจสอบฉลากภาษาไทยว่ามีข้อความบังคับอย่างครบถ้วนหรือไม่ ได้แก่ ชื่อ ชนิด ส่วนประกอบสำคัญ ชื่อและที่ตั้งผู้ผลิต วันเดือนปี ที่ผลิตและปริมาณสุทธิ ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานมักไม่มีฉลาก หรือมีข้อความในฉลากภาษาไทยไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะชื่อและที่ตั้งผู้ผลิต และควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้” อธิบดีกรมวิทย์ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่