ในช่วงเทศกาลถือศีลกินผักภูเก็ต ระหว่างวันที่ 13 - 21 ตุลาคม สุดคึกคักชาวบ้าน ร้านค้า จะหันมากินเจขายอาหารเจให้แก่คนในท้องถิ่น รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวต่างชาติ ได้ลิ้มรสอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ ขณะเดียวกัน ยังได้ชมพิธีกรรมขบวนแห่พระ (เทพศักดิ์สิทธิ์) ของชาวไทยเชื้อสายจีน
นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) พร้อมด้วย นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางมนฤดี เกตุพันธุ์ ท่าอากาศยานภูเก็ต นางอุทัย พัฒนพิชัย วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต นายประเสริฐ ฟักทองผล ประธานชมรมอ๊าม (ศาลเจ้า) ภูเก็ต นายสุพจน์ สงวนกิตติพันธุ์ ประธานสภาวัฒนธรรมภูเก็ต ผนึกกำลังสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวนับแต่ก้าวแรกถึงท่าอากาศยานภูเก็ต โดยแจกท็อปฟี่โบราณเพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมเชิญชวนสัมผัสวิถีเทศกาลกินผัก
นายกฤษศญพงษ์ กล่าวว่า ศน. ร่วมกับหน่วยงานและองค์กรของจังหวัดภูเก็ตทั้งภาครัฐ เอกชน และประธานอ๊ามต่าง ๆ ในจังหวัดรวม 24 แห่งจัดงาน และประชาสัมพันธ์ประเพณีถือศีลกินผักอย่างยิ่งใหญ่สู่สายตานักท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมทั้งรณรงค์ส่งเสริมให้ชาวพุทธรักษาศีลสร้างบุญให้เกิดพลังบุญที่จะเสริมดวงชะตาชีวิตให้แก่ตัวเอง ครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ
นายจำเริญ เล่าว่า เทศกาลถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ต ได้สืบทอดมาเกือบ 200 ปี ที่สำคัญ ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้มากที่สุด และเป็นหนึ่งเดียวของประเทศไทย สำหรับปีนี้หลายหน่วยงานกันถือเป็นงานยิ่งใหญ่ที่สุด คึกคักเป็นอย่างมาก คาดว่า มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานและทางรถยนต์ มาร่วมเทศกาลนี้วันละ 60,000 คน สำหรับประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมเทศกาลกินผักมากกว่า 80% หากนับนักท่องเที่ยวผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าร่วมเทศกาลนี้คาดว่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน แน่นอนการที่นักท่องเที่ยวชาวไทย ต่างชาติ ตลอดจนคนท้องถิ่นร่วมเทศกาลส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลดังกล่าวหลายพันล้านบาท
“ทางจังหวัดได้กำชับทุกหน่วยงานให้ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน ได้ขอความร่วมมือศาลเจ้างดใช้ประทัดที่อันตราย และใช้อาวุธที่หวาดเสียวด้วย
ด้าน วลีรัตน์ ไชยสิน วัย 75 ปี ชาวภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันเทศกาลถือศีลกินผัก พบว่าขบวนแห่พระยาวมากขึ้นทุกปี โดยขบวนจะประดับประดาด้วยธง และป้ายชื่อของศาลเจ้า มีเกี้ยวหามรูปพระบูชาต่าง ๆ ซึ่งจัดตามชั้นยศของเทพเจ้า สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาตั้งแถวรอชมตลอดสองฝั่งถนนเป็นอย่างมาก
การจัดขบวนแห่พระนี้ถือเป็นธรรมเนียมที่ชาวไทยเชื้อสายจีนภูเก็ตจัดขึ้นปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน สำหรับบ้านเรือน ห้างร้านที่ตั้งอยู่ในเส้นทางขบวนแห่จะตั้งโต๊ะเครื่องไหว้ และประทัดต้อนรับองค์พระ และม้าทรง ทีจะแสดงอิทธิฤทธิ์ ใช้เหล็กแหลมและของมีคมทิ่มแทงตามร่างกาย โดยเชื่อว่าจะเป็นการรับเคราะห์แทนผู้ถือศีลกินผัก
“การกินเจ สมัยนี้หาทานได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน คือ มีร้านขายอาหารเจ สมัยก่อนต้องทำทานเองในครอบครัว หรือไปทานที่ศาลเจ้า อย่างไรก็ตาม แม้วันนี้จะหาทานได้ง่ายขึ้น แต่ครอบครัวของตนยังยึดคำสั่งสอนที่บอกต่อกันมารุ่นสู่รุ่นว่า ให้ไปทานเจที่ศาลเจ้าอย่างน้อย 1 มื้อ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต” วลีรัตน์ กล่าว
คราวนี้มาฟัง สิทธิโชค ศุภธมงคล หนึ่งในผู้ตั้งโต๊ะเครื่องไหว้และเปิดบ้าน ซึ่งตั้งพระจำนวนมาก บอกว่า ครอบครัวของตนถือศีลกินผัก สืบสานประเพณีนี้กันมารุ่นสู่รุ่น เพื่อความเป็นสิริมงคล ทำการค้าเจริญรุ่งเรือง
...เทศกาลถือศีลกินผัก (เจ) วันนี้ขยายวงกว้างมากขึ้น จะพบว่ามีคนนิยมทานเจในช่วงเทศกาลนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพียง 9 วัน ที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ ช่วยลดการฆ่าสัตว์ไปจำนวนหนึ่งเช่นกัน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่