ไทยติด 22 ประเทศวัณโรคระบาดสูง พบระบาดในเด็ก 3.4% เร่งรณรงค์เด็กรุ่นใหม่ “ไอเมื่อไร ใส่หน้ากากอนามัย” หวังปลุกกระแสใช้หน้ากากอนามัยเป้นนิสัย ช่วยป้องกันโรคไปสู่ผู้อื่น ลดปัญหาแพร่เชื้อวัณโรคและโรคติดเชื้ออื่น ๆ
วันนี้ (7 ต.ค.) นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกจัดให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่ม 22 ประเทศที่มีปัญหาวัณโรคสูง และคาดประมาณว่ามีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ในไทยถึง 113,900 รายต่อปี และมีการตายด้วยวัณโรคกว่า 10,000 รายต่อปี จากการที่กรมฯ ศึกษาโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทั้งหมด 93 แห่ง พบว่า มีผู้ป่วยวัณโรคเด็กร้อยละ 3.4 แม้อาจไม่เป็นปัญหาหรือมีผลกระทบต่อระบาดวิทยา แต่สะท้อนให้เห็นปัญหาวัณโรคของผู้ใหญ่ เพราะเด็ก ๆ จะได้รับการแพร่เชื้อจากผู้ใหญ่ และเด็กบางคนมีโอกาสแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นได้เช่นกัน เช่น เพื่อน ๆ ในโรงเรียน เป็นต้น สำนักวัณโรค คร. จึงจัดกิจกรรมรณรงค์เด็กรุ่นใหม่ ใส่ใจป้องกันวัณโรค “ไอเมื่อไร ใส่หน้ากาก” เพื่อส่งเสริมให้เด็กนักเรียนสวมหน้ากากอนามัยเป็นประจำเมื่อไอ จาม หรือเป็นหวัด จนเกิดกระแสการใช้หน้ากากอนามัยป้องกันโรค ไม่ให้แพร่สู่ผู้อื่น
“โรงเรียนเป็นสถานที่ที่เด็กอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เมื่อเจ็บป่วยจะแพร่เชื้อโรคสู่เด็กคนอื่น ๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กเล็ก มีภูมิคุ้มกันต่ำกว่า จึงมีโอกาสป่วยได้ง่าย ซึ่งไม่เพียงแต่วัณโรคเท่านั้น ยังรวมถึงโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคมือ เท้า ปาก เป็นต้น การส่งเสริมให้สวมหน้ากากอนามัย จึงไม่เพียงแค่ป้องกันควบคุมโรค แต่ยังเป็นการสร้างจิตสำนึก ใส่ใจห่วงใยคนรอบข้าง รับผิดชอบต่อสังคม ให้เป็นปกติจนติดเป็นนิสัย เกิดเป็นวัฒนธรรมด้านสุขภาพ” รองอธิบดี คร. กล่าวและว่า เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในการป้องกันควบคุมโรค จึงอยากขอความร่วมมือจากพ่อแม่ ผู้ปกครองและครูอาจารย์ในโรงเรียน เป็นสื่อหลักให้การปลูกฝังจิตสำนึกในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่บุคคลอื่นต่อไป อันจะนำไปสู่การลดปัญหาวัณโรค และโรคติดต่ออื่น ๆ ในเด็กต่อไป
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (7 ต.ค.) นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกจัดให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่ม 22 ประเทศที่มีปัญหาวัณโรคสูง และคาดประมาณว่ามีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ในไทยถึง 113,900 รายต่อปี และมีการตายด้วยวัณโรคกว่า 10,000 รายต่อปี จากการที่กรมฯ ศึกษาโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทั้งหมด 93 แห่ง พบว่า มีผู้ป่วยวัณโรคเด็กร้อยละ 3.4 แม้อาจไม่เป็นปัญหาหรือมีผลกระทบต่อระบาดวิทยา แต่สะท้อนให้เห็นปัญหาวัณโรคของผู้ใหญ่ เพราะเด็ก ๆ จะได้รับการแพร่เชื้อจากผู้ใหญ่ และเด็กบางคนมีโอกาสแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นได้เช่นกัน เช่น เพื่อน ๆ ในโรงเรียน เป็นต้น สำนักวัณโรค คร. จึงจัดกิจกรรมรณรงค์เด็กรุ่นใหม่ ใส่ใจป้องกันวัณโรค “ไอเมื่อไร ใส่หน้ากาก” เพื่อส่งเสริมให้เด็กนักเรียนสวมหน้ากากอนามัยเป็นประจำเมื่อไอ จาม หรือเป็นหวัด จนเกิดกระแสการใช้หน้ากากอนามัยป้องกันโรค ไม่ให้แพร่สู่ผู้อื่น
“โรงเรียนเป็นสถานที่ที่เด็กอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เมื่อเจ็บป่วยจะแพร่เชื้อโรคสู่เด็กคนอื่น ๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กเล็ก มีภูมิคุ้มกันต่ำกว่า จึงมีโอกาสป่วยได้ง่าย ซึ่งไม่เพียงแต่วัณโรคเท่านั้น ยังรวมถึงโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคมือ เท้า ปาก เป็นต้น การส่งเสริมให้สวมหน้ากากอนามัย จึงไม่เพียงแค่ป้องกันควบคุมโรค แต่ยังเป็นการสร้างจิตสำนึก ใส่ใจห่วงใยคนรอบข้าง รับผิดชอบต่อสังคม ให้เป็นปกติจนติดเป็นนิสัย เกิดเป็นวัฒนธรรมด้านสุขภาพ” รองอธิบดี คร. กล่าวและว่า เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในการป้องกันควบคุมโรค จึงอยากขอความร่วมมือจากพ่อแม่ ผู้ปกครองและครูอาจารย์ในโรงเรียน เป็นสื่อหลักให้การปลูกฝังจิตสำนึกในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่บุคคลอื่นต่อไป อันจะนำไปสู่การลดปัญหาวัณโรค และโรคติดต่ออื่น ๆ ในเด็กต่อไป
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่