เตือนฮิตกิน “ดอกดาวเรืองตูมสด” เสี่ยงอันตราย ทั้งสารเคมี ไร้ผลวิจัยมีประโยชน์ - โทษ ชี้ สารบำรุงสายตามีในสารสีเหลืองของดอกดาวเรืองบาน แนะตากแห้งชงเป็นชาดื่มบางครั้ง ย้ำคนป่วยตับ - ไต - ให้นมบุตรควรเลี่ยง
ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรชำนาญการ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี กล่าวถึงกรณีกระแสประชาชนแห่ซื้อดอกดาวเรืองตูมสดมารับประทาน ว่า ดอกดาวเรืองมีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตา โดยในทวีปยุโรปมีการนำดอกดาวเรืองมาสกัดเพื่อเอาสารสีเหลืองและลูทีนมาใช้ในการต้านอนุมูลอิสระและบำรุงสายตา ส่วนทวีปแอฟริกามีการใช้ดอกดาวเรืองมาช่วยแก้อาการปวดประจำเดือน สำหรับการรับประทานดอกดาวเรืองถือเป็นภูมิปัญญาเฉพาะที่มีในประเทศไทย ซึ่งการรับประทานจะรับประทานดอกดาวเรืองที่ตากแห้ง โดยนำมาชงดื่มในลักษณะของชา โดยใช้ปริมาณครั้งละประมาณ 1 หยิบมือ ส่วนการรับประทานดอกดาวเรืองตูมสดยังไม่พบว่ามีภูมิปัญญาที่ใดใช้ เพราะสิ่งที่เราต้องการจากดอกดาวเรืองคือสารสีเหลือง จึงไม่แนะนำให้รับประทานดอกดาวเรืองตูมสด เนื่องจากยังไม่มีการวิจัยที่ชัดเจนว่าจะเป็นอันตรายหรือไม่
“ สิ่งสำคัญในการรับประทานสมุนไพร คือ อยากให้คำนึงเรื่องของปริมาณการกิน ไม่ควรกินจนเยอะเกินไป เพราะของทุกอย่างย่อมมีทั้งประโยชน์และโทษ ซึ่งเป็นไปตามหลักของภูมิปัญญาไทย คือ ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามก็ไม่ควรใช้เป็นประจำ ควรใช้บ้างหยุดบ้าง การรับประทานดอกดาวเรืองก็เช่นกัน การนำมาชงเป็นชาเพื่อดื่มเป็นบางครั้งก็ไม่มีปัญหา เพราะตามหลักแล้วกลไกของร่างกายจะสามารถขับสารส่วนเกินออกมาทางปัสสาวะ และเหงื่อได้ แต่ไม่ควรดื่มเป็นประจำต่อเนื่อง เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาวิจัยว่าหากรับประทานในระยะยาวจะมีผลข้างเคียงหรือไม่ ” ภญ.ผกากรอง กล่าว
ภญ.ผกากรอง กล่าวว่า สำหรับดอกดาวเรืองตากแห้งไม่แนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับตับและไตรับประทาน เนื่องจากยังไม่ทราบว่าตับและไตจะต้องทำงานหนักแค่ไหนในการขับสาร ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน นอกจากนี้ กลุ่มหญิงที่ให้นมบุตรก็ควรหลีกเลี่ยงด้วย เพราะอาจเกิดอันตรายกับบุตรได้ เนื่องจากสิ่งที่แม่รับประทานเข้าไปก็จะส่งถึงบุตรด้วย ซึ่งยังไม่มีงานวิจัยที่แน่ชัดว่าจะมีผลต่อพัฒนาการหรือส่งผลให้ทารกท้องเสียได้หรือไม่ นอกจากนี้ อีกสิ่งที่ต้องคำนึงคือสารเคมีที่อาจมาพร้อมกับดอกดาวเรืองด้วย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่