มูลนิธิราชประชาสมาสัยฯ ร่วม สปสช. ขยายจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาฯ ทุกตำบลทั่วประเทศ ใน 5 ปี สร้างพลังความร่วมมือ ขับเคลื่อนแก้ปัญหาทั้งสาธารณสุข สังคม การศึกษา สิ่งแวดล้อม การเกษตร มุ่งสร้างความปรองดองในพื้นที่
ศ.นพ.ธีระ รามสูต ประธานมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึงโครงการจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยฯ ว่า เริ่มแรกชมรมจิตอาสาฯ ได้ช่วยเฝ้าระวัง ค้นหา และดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อนตามแนวพระราชดำริ จนประเทศไทยสามารถควบคุมกำจัดโรคเรื้อนและเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก จึงเห็นว่าน่าจะขยายผลให้ช่วยดูแลด้านความมั่นคง ปรองดอง ที่บูรณาการกับการช่วยดูแลผู้พิการ ผู้สูงอายุ และช่วยร่วมกันแก้และปฏิรูปด้านปัญหาสุขภาพ สังคม สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปี 2555 สมาคมฯ จึงได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดประชุมผู้นำวิชาชีพในระบบสุขภาพ เพื่อขยายการจัดตั้งชมรมจิตอาสาฯ ปี 2558 - 2562
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รักษาการเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ช่วงปี 2558 สามารถจัดตั้งเพิ่มเติม 93 ชมรม จากเดิมที่มีเพียง 42 ชม รวมเป็น 135 ชมรม โดยมีเป้าหมายที่จัดตั้งให้ครบในทุกตำบลทั่วประเทศ ที่ สปสช. สนับสนุน เพราะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ไม่แต่เฉพาะงานด้านสาธารณสุขเท่านั้น ซึ่งสามารถดำเนินการผ่านกลไกกองทุนสุขภาพตำบลที่มีอยู่ทั่วประเทศ 7,700 แห่ง ภายใต้ความร่วมมือทั้ง สธ. กระทรวงกลาโหม ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะนำไปสู่ผลสำเร็จ ทำให้เกิดจิตอาสาราชพระชาสมาสัยทั่วประเทศ
นพ.ประทีป กล่าวว่า เบื้องต้นในการดำเนินงานได้กำหนดการจัดตั้งชมรม 6 ประเภท คือ 1. ชมรมจิตอาสาฯ องค์กรในกระทรวงสาธารณสุข 2. ชมรมฯ องค์กรกระทรวงอื่น ๆ และรัฐวิสาหกิจ 3. ชมรมฯ องค์กรภาคธุรกิจ/เอกชน 4. ชมรมฯ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบจ./เทศบาล/อบต.) 5.ชมรมฯ องค์กรภาคประชาขน และ 6. ชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยประจำตำบลทั่วประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีบทบาทสำคัญในการดำเนินตามพระราชทฤษฎี “ราชประชาสมาสัย” และพระราชอุดมกรณ์ “ปิดทองหลังพระ” ทำความดีเพื่อพ่อแห่งแผ่นดินและแผ่นดินเกิด โดยไม่หวังผลต่อแทน โดยร่วมเป็นบุคคลต้นแบบดีงาม
ทั้งนี้ ภารกิจของชมรมฯ อาทิ การเฝ้าระวังค้นหาผู้ป่วยรายใหม่และดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากโรคเรื้อน การดูแลผู้พิการ ผู้สูงอายุ เด็กกำพร้า การเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด ปัญหาสุขภาพ ภัยสุขภาพ และภัยจากสิ่งแวดล้อม การเฝ้าระวังบุคคล แรงงานต่างด้าว การดูแลสาธารณสถาน/ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมพื้นบ้าน ร่วมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและปฏิรูปปัญหาการศึกษาในพื้นที่ ร่วมส่งเสริมและปฏิรูปจิตสำนึกความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ช่วยสนับสนุนการแก้ไข ส่งเสริม และปฏิรูปด้านการเกษตรและสหกรณ์ ช่วยสนับสนุนการดูแลช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสอื่น ๆ ในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังช่วยประสานสนับสนุนการมีส่วนร่วมปฏิรูป ความมั่นคง ปรองดอง ความสงบเรียบร้อยปลอดภัยของพื้นที่
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ศ.นพ.ธีระ รามสูต ประธานมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึงโครงการจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยฯ ว่า เริ่มแรกชมรมจิตอาสาฯ ได้ช่วยเฝ้าระวัง ค้นหา และดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อนตามแนวพระราชดำริ จนประเทศไทยสามารถควบคุมกำจัดโรคเรื้อนและเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก จึงเห็นว่าน่าจะขยายผลให้ช่วยดูแลด้านความมั่นคง ปรองดอง ที่บูรณาการกับการช่วยดูแลผู้พิการ ผู้สูงอายุ และช่วยร่วมกันแก้และปฏิรูปด้านปัญหาสุขภาพ สังคม สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปี 2555 สมาคมฯ จึงได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดประชุมผู้นำวิชาชีพในระบบสุขภาพ เพื่อขยายการจัดตั้งชมรมจิตอาสาฯ ปี 2558 - 2562
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รักษาการเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ช่วงปี 2558 สามารถจัดตั้งเพิ่มเติม 93 ชมรม จากเดิมที่มีเพียง 42 ชม รวมเป็น 135 ชมรม โดยมีเป้าหมายที่จัดตั้งให้ครบในทุกตำบลทั่วประเทศ ที่ สปสช. สนับสนุน เพราะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ไม่แต่เฉพาะงานด้านสาธารณสุขเท่านั้น ซึ่งสามารถดำเนินการผ่านกลไกกองทุนสุขภาพตำบลที่มีอยู่ทั่วประเทศ 7,700 แห่ง ภายใต้ความร่วมมือทั้ง สธ. กระทรวงกลาโหม ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะนำไปสู่ผลสำเร็จ ทำให้เกิดจิตอาสาราชพระชาสมาสัยทั่วประเทศ
นพ.ประทีป กล่าวว่า เบื้องต้นในการดำเนินงานได้กำหนดการจัดตั้งชมรม 6 ประเภท คือ 1. ชมรมจิตอาสาฯ องค์กรในกระทรวงสาธารณสุข 2. ชมรมฯ องค์กรกระทรวงอื่น ๆ และรัฐวิสาหกิจ 3. ชมรมฯ องค์กรภาคธุรกิจ/เอกชน 4. ชมรมฯ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบจ./เทศบาล/อบต.) 5.ชมรมฯ องค์กรภาคประชาขน และ 6. ชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยประจำตำบลทั่วประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีบทบาทสำคัญในการดำเนินตามพระราชทฤษฎี “ราชประชาสมาสัย” และพระราชอุดมกรณ์ “ปิดทองหลังพระ” ทำความดีเพื่อพ่อแห่งแผ่นดินและแผ่นดินเกิด โดยไม่หวังผลต่อแทน โดยร่วมเป็นบุคคลต้นแบบดีงาม
ทั้งนี้ ภารกิจของชมรมฯ อาทิ การเฝ้าระวังค้นหาผู้ป่วยรายใหม่และดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากโรคเรื้อน การดูแลผู้พิการ ผู้สูงอายุ เด็กกำพร้า การเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด ปัญหาสุขภาพ ภัยสุขภาพ และภัยจากสิ่งแวดล้อม การเฝ้าระวังบุคคล แรงงานต่างด้าว การดูแลสาธารณสถาน/ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมพื้นบ้าน ร่วมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและปฏิรูปปัญหาการศึกษาในพื้นที่ ร่วมส่งเสริมและปฏิรูปจิตสำนึกความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ช่วยสนับสนุนการแก้ไข ส่งเสริม และปฏิรูปด้านการเกษตรและสหกรณ์ ช่วยสนับสนุนการดูแลช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสอื่น ๆ ในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังช่วยประสานสนับสนุนการมีส่วนร่วมปฏิรูป ความมั่นคง ปรองดอง ความสงบเรียบร้อยปลอดภัยของพื้นที่
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่