ธ.ออมสิน อนุมัติหลักการสางหนี้ครู ย้ำลูกหนี้ยื่นเข้าร่วมโครงการภายใน 31 ก.ค.นี้ และการเข้าร่วมต้องได้รับการยินยอมจากผู้ค้ำและต้องยอมให้หักเงินเดือนใช้หนี้ ที่สำคัญต้องไม่สร้างหนี้เพิ่มหากผิดเงื่อนไขไม่ใช้หนี้ 2 งวดติดกันให้กลับไปใช้สัญญาเดิม ขณะที่ บอร์ดสกสค.เสนอยกเลิกปล่อยกู้ ช.พ.ค.7 แต่ยังไม่มีข้อยุติ
วันนี้ (25 มิ.ย.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตาม ที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมร่วมกับรมว.กระทรวงการคลังและผู้อำนวยการธนาคารออมสินเพื่อจัดทำ มาตรการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการธนาคารออมสินนั้น ในขณะนี้ ธนาคารออมสินได้อนุมัติหลักการเพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติและแจ้งมายัง ศธ. ดำเนินการ ดังนี้ คือ ให้แบ่งลูกหนี้ที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ลูกหนี้ขั้นวิกฤตรุนแรง คือ ลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการถูกฟ้อง ถูกดำเนินคดี หรือถูกบังคับคดีขาดความสามารถในการชำระหนี้จากสาเหตุที่จำเป็น 2.ลูกหนี้ใกล้วิกฤต คือลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระเกินกว่า 12 งวดติดต่อกัน 3.ลูกหนี้ปกติ คือลูกหนี้ที่ยังไม่ผิดนัดชำระหนี้และยังสามารถบริหารจัดการหนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ภายหลังแบ่งกลุ่มลูกหนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะมีมาตรการในการปรับโครงสร้างหนี้ ดังนี้ ลูกหนี้ขั้นวิกฤตรุนแรง ให้มีชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดีหรือบังคับคดีไม่เกิน 3 ปี โดยต้องมีระยะเวลาฟ้องคดีเหลือไม่น้อยกว่า 2 ปี ให้พักชำระดอกเบี้ยไม่เกิน 3 ปีแต่ให้ชำระเงินต้น สำหรับลูกหนี้ใกล้วิกฤต ให้พักชำระดอกเบี้ยไม่เกินครึ่งหนึ่งเป็นเวลาไม่เกิน 2 ปี แต่ให้ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยส่วนที่เหลือ และลูกหนี้ปกติ ให้พักชำระเงินต้นไม่เกิน 2 ปี แต่ให้ชำระดอกเบี้ย ทั้งนี้ ลูกหนี้ต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการภายในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ถ้าหากลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการไม่ชำระหนี้ตามเงื่อนไขเป็นเวลา 2 งวดติดต่อกัน ลูกหนี้ต้องกลับเข้าสู่เงื่อนไขตามสัญญาเดิม ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ค้ำประกันเงินกู้และลูกหนี้ต้องยินยอมให้กรมบัญชีกลางหักเงินเดือนชดใช้หนี้ให้ธนาคาร ที่สำคัญลูกหนี้จะต้องไม่สร้างภาระหนี้เพิ่ม ทั้งนี้ ธ.ออมสิน จะดำเนินการแจ้งให้ สกสค.ทราบเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ครูฯเพื่อแจ้งครูต่อไป
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการสกสค.เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้มีการพูดถึงการดำเนินการโครงการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) 7 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการชะลอโครงการดังกล่าวไว้แล้ว ในที่ประชุมเสนอว่าควรจะยกเลิกโครงการช.พ.ค.7 เลยได้หรือไม่ เพราะเห็นว่าครูสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินอื่นได้หากมีความจำเป็น เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ครู สถาบันการเงินอื่น ๆ เป็นต้น แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่เป็นข้อยุติ เรื่องนี้ต้องหารือกันอีกครั้ง
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่