ทีมแพทย์ชุดแรกเดินทางไปเนปาลแล้ว เร่งประสาน สธ. เนปาล และสถานทูตไทย พร้อมประเมินสถานการณ์ หวังจัดส่งทีมแพทย์ช่วยเหลือได้ตรงความต้องการ เผยจัดทีมแพทย์ฉุกเฉินภาคสนาม 19 คน อยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์ ด้านองค์การอนามัยโลกยกระดับเหตุการณ์เป็นระดับ 3 เทียบเท่าอีโบลา
วันนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 08.00 น. นพ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.ภูมินทร์ ศิลาพันธ์ รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) และ นพ.ไพโรจน์ เครือกาญจนา หัวหน้ากลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ สธ. เดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยังประเทศเนปาล ด้วยเที่ยวบิน TG139 ซึ่งจะเป็นทีมแพทย์ชุดแรกของไทยที่เดินทางไปเพื่อประเมินสถานการณ์ความต้องการความช่วยเหลือด้านการแพทย์ หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ก่อนส่งข้อมูลรายงานกลับมายังศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว (วอร์รูม) สธ.
ทั้งนี้ นพ.สุริยะ กล่าวว่า เที่ยวบินดังกล่าวจะลงที่กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล โดยจะเดินทางไปประสานกับสถานทูตไทยและกระทรวงสาธารณสุขเนปาล เพื่อให้การจัดส่งทีมแพทย์ช่วยเหลือของไทยตรงกับความต้องการที่สุด โดยคาดว่าช่วงบ่ายของวันที่ 28 เม.ย. จะสามารถระบุความต้องการที่แน่ชัดในพื้นที่ได้ และหากสถานทูตไม่ติดขัดประการใด ก็น่าจะส่งทีมแพทย์ช่วยเหลือไปช่วยในวันที่ 29 เม.ย. ได้เลย ซึ่งทีมแพทย์ที่จัดเตรียมไว้ ประกอบด้วย ศัลยแพทย์ แพทย์ฉุกเฉิน เพื่อจัดทำโรงพยาบาลสนามขนาดเล็ก โดยมีทีมแพทย์หมุนเวียนรวม 4 ทีมๆ ละ 16 - 17 คน ประจำการ 14 วัน สำหรับยาและเวชภัณฑ์นั้นได้ส่งไปกับเครื่องบิน C130 ของกองทัพอากาศแล้ว
วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ. กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมวอร์รูม ว่า วอร์รูมเตรียมส่งทีมแพทย์ฉุกเฉินภาคสนาม หรือ ทีมเมิร์ท (Emergency Response Team : MERT) ชุดแรก จำนวน 19 คน ลงพื้นที่ประเทศเนปาล แบ่งเป็นแพทย์ฉุกเฉิน 17 คน แพทย์นักระบาดวิทยาจากกรมควบคุมโรค (คร.) และจิตแพทย์อย่างละ 1 คน เข้าช่วยเหลือ คาดว่าจะอยู่ในพื้นที่ประมาณ 1 - 2 สัปดาห์ จากนั้นจะพิจารณาส่งทีมแพทย์ชุดที่ 2 ซึ่งจะเป็นแพทย์รักษาและฟื้นฟู โดยจะมีการพิจารณาคัดเลือกต่อไป โดยช่วงเวลา 16.00 น. วันที่ 28 เม.ย. จะจัดปฐมนิเทศทีมเมิร์ทที่จะเดินทาง โดยจะกำชับถึงปฏิบัติการต่างๆ อย่างไรก็ตาม ทีมดังกล่าวเป็นทีมที่มีประสบการณ์สูง เนื่องจากผ่านเหตุการณ์เข้าช่วยเหลือกรณีภัยพิบัติมามากมาย ทั้งเหตุการณ์พายุนาร์กีส พม่า หรือภัยธรรมชาติที่ญี่ปุ่น ไต้หวัน เพราะการเข้าพื้นที่เช่นนี้ต้องอาศัยคนมีประสบการณ์จะทำงานได้สะดวก และไม่เป็นภาระกับประเทศเจ้าบ้าน เบื้องต้นจะประสานอยู่ 4 จุด คือ สถานทูตไทย ทีม สธ. เนปาล วัดไทย และทีมทหารไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประสานงานที่เนปาลจะยุ่งยากหรือไม่ เพราะมีทีมแพทย์จากนานาประเทศเข้ามาด้วย นพ.วชิระ กล่าวว่า เนปาลจะมีศูนย์ประสานงานกลาง ซึ่งทำงานร่วมกับองค์การอนามัยโลก โดยปกติจะมีการแจกจ่ายงาน และจะแบ่งโซนให้กับผู้ที่เข้าช่วยเหลือแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงต้องรอการติดต่อกลับมาจาก นพ.สุริยะ ซึ่งเดินทางไปแล้วจะติดต่อบอกข้อมูลอีกครั้ง
พญ.นฤมล สวรรค์ปัญญาเลิศ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้องค์การอนามัยโลก ได้ยกระดับแผ่นดินไหวเนปาลเป็นระดับ 3 เทียบเท่าเหตุการณ์โรคระบาดอีโบลา องค์การอนามัยโลกเตรียมจัดระบบช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกประเมินสถานการณ์เบื้องต้นพบมีตัวแทนแพทย์จากจีน อินเดีย เดินทางไปถึงเนปาลแล้ว ส่วนอิสราเอลกำลังส่งเครื่องใช้และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ 100 ตัน สำหรับสถานการณ์ทั่วไปหากทีมกู้ภัยจะเดินทางเข้าไปในพื้นที่ต้องมีอุปกรณ์ช่วยเหลือตัวเอง เพราะไม่มีโรงแรมให้พักอาศัย ซึ่งขณะนี้มีการตั้งศูนย์อพยพจำนวน 16 แห่ง
