เรือนจำบางขวาง ร่วมวัดปทุมฯ นำผู้ต้องขังสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ ถวายเป็นพระราชกุศล “สมเด็จพระเทพฯ” และหวังใช้ธรรมะช่วงกล่อมเกลาจิตใจ ผู้บัญชาการฯ เผยผลจากการทำกิจกรรมผ่านไป 9 เดือนพบ ผู้ต้องขังใจเย็น มีสมาธิ และไม่ก่อเหตุวิวาท ยันสานต่อกิจกรรมสวดมนต์หมู่ฯ แม้โครงการจะจบแล้ว
นายสุรพล แก้วภราดัย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า เรือนจำกลางบางขวาง ร่วมกับโครงการปทุมมามหาสิกขาลัย วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร จัดกิจกรรมให้ผู้ต้องขังสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา 2 เมษายน พุทธศักราช 2558 ซึ่งเรือนจำได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือน ส.ค. 2557 โดยกำหนดสวดมนต์ทุกวันที่ 2 ของทุกเดือน โดยมีศิลปินจิตอาสา น.ส.ธนพร แวกประยูร เข้ามาช่วยนำสวดมนต์ทำนองสรภัญญะให้กับผู้ต้องขัง ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องเรื่อยๆ มาจนถึงเดือน เม.ย.2558 รวม 9 เดือน ซึ่งเป็นเดือนสุดท้าย และจัดให้มีการประกวดสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะของผู้ต้องขังด้วย ซึ่งผลการประกวดปรากฏว่า ตัวแทนผู้ต้องขังจากแดน 6 ได้รับรางวัลที่ 1 ส่วนตัวแทนผู้ต้องขังจาก แดน 2 และ 3 ได้รับรางวัลที่ 2 และ 3 ตามลำดับ รางวัลชมเชย ได้แก่ ตัวแทนผู้ต้องขังแดน 5 และ ห้องสมุดพร้อมปัญญา
“ทั้งนี้ ผู้ต้องขังที่เข้าร่วมกิจกรรมจะเป็นไปตามความสมัครใจ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ต้องขังสูงอายุ ที่สนใจศึกษาหลักธรรมทางพุทธศาสนาอยู่ก่อนแล้ว นอกจากเรือนจำจะจัดกิจกรรมนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยกล่อมเกลาจิตใจของผู้ต้องขัง ยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งการสวดมนต์ทำนองสรภัญญะ จะช่วยให้ผู้ต้องขังจิตใจสงบ ใจเย็น ซึ่งจากการดำเนินการมาตลอด 9 เดือน ทางเรือนจำได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวผู้ต้องขังที่เข้าร่วมโครงการอย่างเห็นได้ชัด คือ ทุกคนใจเย็น มีสมาธิ ไม่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท”นายสุรพล กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม แม้จะปิดโครงการความร่วมมือกับทางวัดปทุมวนารามฯ ไปแล้ว แต่ทางเรือนจำก็ยังคงสนับสนุนให้ผู้ต้องขังสวดมนต์สรภัญญะต่อไป โดยจะให้ผู้ต้องขังที่ได้ร่วมกิจกรรมตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา เป็นผู้นำสวดมนต์สอนให้กับผู้ต้องขังอื่นๆ และในอนาคตอาจจะร่วมมือกับวัดปทุมวนารามฯ เชิญพระวิทยากร หรือ วิทยากรจากภายนอกมาสอนการสวดมนต์หมู่ในรูปแบบนี้ต่อเนื่องต่อไป
ด้าน พระปกรณ์วินณ์ ฐิตวํโส เลขานุการโครงการปทุมมามหาสิกขาลัยฯ และพระภิกษุวิทยากรประจำโครงการฯ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับผู้ต้องขังพบว่า ทิศทางไปในทางที่ดี จากเดิมผู้ต้องขังมีการทำกิจกรรมสวดมนต์ 3 วันต่อสัปดาห์ ก็ได้เปลี่ยนมาสวดมนต์ทำนองสรภัญญะ 2 วัน ซึ่งสิ่งที่ผู้สวดจะได้รับจากการสวดมนต์คืออนุสสติกรรมฐาน เมื่อมีสติที่จดจ่อกับบทสวดพระรัตนตรัยหากทำต่อเนื่องจะเป็นการฝึกสติ ชำระจิตใจ ลดความเครียด การสวดเป็นทำนอง ก็จะช่วยฝึกลมหายใจอีกด้วย ในส่วนของโครงการฯก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะผู้ต้องขังยินดีที่จะสวดมนต์ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง และยังรวมกลุ่มกันตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวยที่จะนำสวดให้กับผู้ต้องขับอื่นที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรม ถือเป็นการปฏิบัติด้วยตนเอง หากเรือนจำจะสานต่อโครงการทางพระก็ยินดี
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นายสุรพล แก้วภราดัย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า เรือนจำกลางบางขวาง ร่วมกับโครงการปทุมมามหาสิกขาลัย วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร จัดกิจกรรมให้ผู้ต้องขังสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา 2 เมษายน พุทธศักราช 2558 ซึ่งเรือนจำได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือน ส.ค. 2557 โดยกำหนดสวดมนต์ทุกวันที่ 2 ของทุกเดือน โดยมีศิลปินจิตอาสา น.ส.ธนพร แวกประยูร เข้ามาช่วยนำสวดมนต์ทำนองสรภัญญะให้กับผู้ต้องขัง ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องเรื่อยๆ มาจนถึงเดือน เม.ย.2558 รวม 9 เดือน ซึ่งเป็นเดือนสุดท้าย และจัดให้มีการประกวดสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะของผู้ต้องขังด้วย ซึ่งผลการประกวดปรากฏว่า ตัวแทนผู้ต้องขังจากแดน 6 ได้รับรางวัลที่ 1 ส่วนตัวแทนผู้ต้องขังจาก แดน 2 และ 3 ได้รับรางวัลที่ 2 และ 3 ตามลำดับ รางวัลชมเชย ได้แก่ ตัวแทนผู้ต้องขังแดน 5 และ ห้องสมุดพร้อมปัญญา
“ทั้งนี้ ผู้ต้องขังที่เข้าร่วมกิจกรรมจะเป็นไปตามความสมัครใจ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ต้องขังสูงอายุ ที่สนใจศึกษาหลักธรรมทางพุทธศาสนาอยู่ก่อนแล้ว นอกจากเรือนจำจะจัดกิจกรรมนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยกล่อมเกลาจิตใจของผู้ต้องขัง ยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งการสวดมนต์ทำนองสรภัญญะ จะช่วยให้ผู้ต้องขังจิตใจสงบ ใจเย็น ซึ่งจากการดำเนินการมาตลอด 9 เดือน ทางเรือนจำได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวผู้ต้องขังที่เข้าร่วมโครงการอย่างเห็นได้ชัด คือ ทุกคนใจเย็น มีสมาธิ ไม่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท”นายสุรพล กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม แม้จะปิดโครงการความร่วมมือกับทางวัดปทุมวนารามฯ ไปแล้ว แต่ทางเรือนจำก็ยังคงสนับสนุนให้ผู้ต้องขังสวดมนต์สรภัญญะต่อไป โดยจะให้ผู้ต้องขังที่ได้ร่วมกิจกรรมตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา เป็นผู้นำสวดมนต์สอนให้กับผู้ต้องขังอื่นๆ และในอนาคตอาจจะร่วมมือกับวัดปทุมวนารามฯ เชิญพระวิทยากร หรือ วิทยากรจากภายนอกมาสอนการสวดมนต์หมู่ในรูปแบบนี้ต่อเนื่องต่อไป
ด้าน พระปกรณ์วินณ์ ฐิตวํโส เลขานุการโครงการปทุมมามหาสิกขาลัยฯ และพระภิกษุวิทยากรประจำโครงการฯ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับผู้ต้องขังพบว่า ทิศทางไปในทางที่ดี จากเดิมผู้ต้องขังมีการทำกิจกรรมสวดมนต์ 3 วันต่อสัปดาห์ ก็ได้เปลี่ยนมาสวดมนต์ทำนองสรภัญญะ 2 วัน ซึ่งสิ่งที่ผู้สวดจะได้รับจากการสวดมนต์คืออนุสสติกรรมฐาน เมื่อมีสติที่จดจ่อกับบทสวดพระรัตนตรัยหากทำต่อเนื่องจะเป็นการฝึกสติ ชำระจิตใจ ลดความเครียด การสวดเป็นทำนอง ก็จะช่วยฝึกลมหายใจอีกด้วย ในส่วนของโครงการฯก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะผู้ต้องขังยินดีที่จะสวดมนต์ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง และยังรวมกลุ่มกันตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวยที่จะนำสวดให้กับผู้ต้องขับอื่นที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรม ถือเป็นการปฏิบัติด้วยตนเอง หากเรือนจำจะสานต่อโครงการทางพระก็ยินดี
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่