สธ. ชี้ช่วงสงกรานต์เสี่ยงระบาด “ไข้เลือดออก - ไข้หวัดใหญ่” เหตุคนกลับบ้าน - ไปท่องเที่ยวมาก โอกาสอยู่ร่วมกันจนได้รับเชื้อมีสูง ย้ำมีอาการป่วยไข้งดเล่นน้ำ สวมหน้ากากอนามัยป้องกัน มีไข้สูงเกิน 2 วันรีบพบแพทย์
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์อาจมีการระบาดของโรคไข้เลือดออกและโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับบ้านไปฉลองสงกรานต์ที่ภูมิลำเนาเดิม และไปท่องเที่ยวมาก มีโอกาสอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เอื้อให้โรคแพร่ระบาดได้ง่าย โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออกที่คนรับเชื้อแล้วแต่ยังไม่แสดงอาการทันที หากถูกยุงลายที่บ้านกัดจะทำให้เชื้อกระจายไปยังคนอื่นได้ หรือไปในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อไข้เลือดออกอยู่ก็มีโอกาสรับเชื้อผ่านยุงลายได้เช่นกัน ส่วนไข้หวัดใหญ่ติดต่อกันได้ง่าย โดยเชื้อจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย และติดกันผ่านการไอ จาม และปนเปื้อนอยู่ที่ภาชนะของใช้ส่วนตัว หรือของใช้สาธารณะ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และโรงพยาบาลเฝ้าระวังโรค และย้ำเตือนประชาชน
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า โรคไข้เลือดออกตั้งแต่ต้นปี 2558 - 6 เม.ย. พบผู้ป่วย 6,819 ราย เสียชีวิต 4 ราย คาดว่า เม.ย. เป็นต้นไป ผู้ป่วยจะเริ่มสูงขึ้น และเพิ่มอย่างรวดเร็วใน พ.ค. เนื่องจากเป็นฤดูฝน ปริมาณยุงลายพาหะนำโรคมีมาก จึงขอความร่วมมือประชาชนทุกบ้านช่วยกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ กำจัดลูกน้ำยุงลายทุก 7 วัน อย่างต่อเนื่อง ทั้งในบ้าน โรงเรียน โรงพยาบาล วัด และชุมชน ป้องกันยุงกัดโดยนอนในมุ้งหรือทายากันยุง สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่ต้นปี 2558 - 5 เม.ย. พบผู้ป่วย 22,556 ราย พบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 7 - 14 ปี เสียชีวิต 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือเป็นผู้สูงอายุ ดังนั้น ผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ หากป่วยเป็นไข้ ไอรุนแรง ปวดเมื่อยตามร่างกาย เจ็บคอ อ่อนเพลีย ให้รีบพบแพทย์ทันที ส่วนประชาชนทั่วไป หากป่วยเป็นไข้หวัด ขอให้พักผ่อนให้เต็มที่ หยุดพักงาน หยุดเดินทาง งดเล่นน้ำสงกรานต์ อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง และหมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อแพร่สู่คนอื่น หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน ขอให้พบแพทย์ เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน โดยเฉพาะปอดบวม ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
