สธ.กำชับ รพ.แถบปริมณฑล 4 ภาค รับมืออุบัติเหตุช่วงขาเข้า กทม. ห่วงหลับในต้นเหตุ แนะพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนขับ เผย 8 สัญญาณอาการง่วงขณะขับรถ ย้ำหากง่วงต้องจอดพักอย่าฝืนขับ อันตรายเท่าเมาแล้วขับ
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ช่วงวันที่ 3-4 ม.ค. เป็นช่วงทยอยเดินทางกลับ กทม.หลังหยุดยาวฉลองเทศกาลปีใหม่ สธ.ได้สั่งการให้โรงพยาบาลในแถบปริมณฑลทั้ง 4 ภาค จัดเตรียมกำลังแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมรับอุบัติเหตุช่วงขากลับอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในช่วงขากลับที่ต้องระมัดระวัง คือ คนขับหลับใน เนื่องจากอาจอดนอนติดต่อกันหลายวัน ผลของการง่วงจะทำให้ประสาทสัมผัสทุกอย่างช้าลง สมองตื้อ ตัดสินใจผิดพลาด ใจลอย ไม่มีสมาธิ การสั่งการของสมองไปยังกล้ามเนื้อช้าลง เมื่อเกิดเหตุการณ์คับขันจึงแตะเบรกได้ช้ากว่าปกติ
“มีผลวิจัยจากต่างประเทศระบุว่า คนที่ง่วงแล้วขับไม่ต่างกับคนเมาแล้วขับ เพราะพบว่า คนที่อดนอนติดต่อกัน 18 ชั่วโมง ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายลดลงเท่ากับคนที่มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โอกาสเกิดอุบัติเหตุมากกว่าคนที่ไม่ดื่ม 2 เท่าตัว และถ้านาน 24 ชั่วโมง จะเท่ากับมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ความสามารถขับรถลดลง 15 เปอร์เซ็นต์ โอกาสเกิดอุบัติเหตุจะเพิ่มเป็น 6 เท่าตัว” รมว.สาธารณสุข กล่าว
ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า สัญญาณเตือนของอาการง่วงขณะขับรถ มี 8 ประการ ดังนี้ 1.หาวบ่อย และหาวต่อเนื่อง 2.ใจลอยไม่มีสมาธิ 3.รู้สึกเหนื่อยล้า หงุดหงิดกระวนกระวาย 4.จำไม่ได้ว่าขับรถผ่านอะไรมาเมื่อ 2-3 กิโลเมตรที่ผ่านมา 5.รู้สึกหนักหนังตา ตาปรือ ลืมตาไม่ขึ้น มองเห็นภาพไม่ชัด 6.รู้สึกมึน หนักศีรษะ 7.ขับรถส่ายไปมา หรือออกนอกเส้นทาง 8.มองข้ามสัญญาณไฟ และป้ายจราจร ดังนั้น ก่อนเดินทางต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-9 ชั่วโมง หาเพื่อนร่วมทางพูดคุย ผลัดกันขับรถ หยุดพักรถทุกๆ 150 กิโลเมตร หรือทุก 2 ชั่วโมง แม้ว่าจะยังไม่รู้สึกเหนื่อย หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่ทำให้ง่วงซึม เมื่อรู้สึกง่วง ล้า อย่าฝืนขับ ให้เปลี่ยนคนขับ หรือแวะจอดรถในที่ปลอดภัย และงีบหลับประมาณ 15 นาที ก็จะช่วยได้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ช่วงวันที่ 3-4 ม.ค. เป็นช่วงทยอยเดินทางกลับ กทม.หลังหยุดยาวฉลองเทศกาลปีใหม่ สธ.ได้สั่งการให้โรงพยาบาลในแถบปริมณฑลทั้ง 4 ภาค จัดเตรียมกำลังแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมรับอุบัติเหตุช่วงขากลับอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในช่วงขากลับที่ต้องระมัดระวัง คือ คนขับหลับใน เนื่องจากอาจอดนอนติดต่อกันหลายวัน ผลของการง่วงจะทำให้ประสาทสัมผัสทุกอย่างช้าลง สมองตื้อ ตัดสินใจผิดพลาด ใจลอย ไม่มีสมาธิ การสั่งการของสมองไปยังกล้ามเนื้อช้าลง เมื่อเกิดเหตุการณ์คับขันจึงแตะเบรกได้ช้ากว่าปกติ
“มีผลวิจัยจากต่างประเทศระบุว่า คนที่ง่วงแล้วขับไม่ต่างกับคนเมาแล้วขับ เพราะพบว่า คนที่อดนอนติดต่อกัน 18 ชั่วโมง ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายลดลงเท่ากับคนที่มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โอกาสเกิดอุบัติเหตุมากกว่าคนที่ไม่ดื่ม 2 เท่าตัว และถ้านาน 24 ชั่วโมง จะเท่ากับมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ความสามารถขับรถลดลง 15 เปอร์เซ็นต์ โอกาสเกิดอุบัติเหตุจะเพิ่มเป็น 6 เท่าตัว” รมว.สาธารณสุข กล่าว
ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า สัญญาณเตือนของอาการง่วงขณะขับรถ มี 8 ประการ ดังนี้ 1.หาวบ่อย และหาวต่อเนื่อง 2.ใจลอยไม่มีสมาธิ 3.รู้สึกเหนื่อยล้า หงุดหงิดกระวนกระวาย 4.จำไม่ได้ว่าขับรถผ่านอะไรมาเมื่อ 2-3 กิโลเมตรที่ผ่านมา 5.รู้สึกหนักหนังตา ตาปรือ ลืมตาไม่ขึ้น มองเห็นภาพไม่ชัด 6.รู้สึกมึน หนักศีรษะ 7.ขับรถส่ายไปมา หรือออกนอกเส้นทาง 8.มองข้ามสัญญาณไฟ และป้ายจราจร ดังนั้น ก่อนเดินทางต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-9 ชั่วโมง หาเพื่อนร่วมทางพูดคุย ผลัดกันขับรถ หยุดพักรถทุกๆ 150 กิโลเมตร หรือทุก 2 ชั่วโมง แม้ว่าจะยังไม่รู้สึกเหนื่อย หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่ทำให้ง่วงซึม เมื่อรู้สึกง่วง ล้า อย่าฝืนขับ ให้เปลี่ยนคนขับ หรือแวะจอดรถในที่ปลอดภัย และงีบหลับประมาณ 15 นาที ก็จะช่วยได้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่