เร่งแก้ปัญหาแรงงานไทยในอิสราเอลติดยา กกจ. เตรียมหารือไอโอเอ็ม คัดกรองตรวจฉี่ - ประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หากพบระงับการเดินทาง เผยมีขบวนการจ่ายค่าขนยา 1 ล้านบาทต่อครั้ง
วันนี้ (12 ธ.ค.) นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ระบุว่า แรงงานไทยที่ทำงานในประเทศอิสราเอล เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งลักลอบขนจากไทยประมาณ 15,000 คน จากแรงงานทั้งหมด 27,000 คนว่า พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (รมว.แรงงาน) ได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว และเกรงว่าการที่แรงงานไทยติดยาจะเป็นการเพิ่มวงจรของยาเสพติด ทั้งเงินรายได้ของแรงงานที่ควรส่งกลับประเทศ อาจหมดไปกับยาเสพติด จึงสั่งการให้ กกจ. ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และ กต. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
อธิบดี กกจ. กล่าวอีกว่า กกจ. จะหารือกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) ร่วมคัดเลือกแรงงานไทยที่จะไปทำงานที่อิสราเอลในเร็วๆ นี้ เพื่อปรับระบบการคัดเลือกในการป้องกันปัญหาให้เข้มงวดขึ้น โดยจะให้มีการตรวจปัสสาวะ และประวัติแรงงานไทยที่ไปทำงานในอิสราเอล หากพบว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จะระงับการเดินทาง รวมทั้งประสานกับสนามบินสุวรรณภูมิตรวจสัมภาระแรงงานให้เข้มงวดยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ กกจ. เคยตรวจเยี่ยมแรงงานที่อิสราเอลและพบว่าเฉพาะแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอลมีปัญหาติดยาเสพติดถึง 3,500 คน โดยส่วนใหญ่เสพยาบ้า นอกจากนี้ ผู้ค้ายาเสพติดยังมีการจ่ายเงินเพื่อให้ช่วยลักลอบขนยาเสพติดจากไปไทยไปอิสราเอลสูงถึงครั้งละ 1 ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดในอิสราเอลมีสูงมากขึ้น ขณะที่บทลงโทษในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมีโทษจำคุกแค่ 6 เดือน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (12 ธ.ค.) นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ระบุว่า แรงงานไทยที่ทำงานในประเทศอิสราเอล เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งลักลอบขนจากไทยประมาณ 15,000 คน จากแรงงานทั้งหมด 27,000 คนว่า พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (รมว.แรงงาน) ได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว และเกรงว่าการที่แรงงานไทยติดยาจะเป็นการเพิ่มวงจรของยาเสพติด ทั้งเงินรายได้ของแรงงานที่ควรส่งกลับประเทศ อาจหมดไปกับยาเสพติด จึงสั่งการให้ กกจ. ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และ กต. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
อธิบดี กกจ. กล่าวอีกว่า กกจ. จะหารือกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) ร่วมคัดเลือกแรงงานไทยที่จะไปทำงานที่อิสราเอลในเร็วๆ นี้ เพื่อปรับระบบการคัดเลือกในการป้องกันปัญหาให้เข้มงวดขึ้น โดยจะให้มีการตรวจปัสสาวะ และประวัติแรงงานไทยที่ไปทำงานในอิสราเอล หากพบว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จะระงับการเดินทาง รวมทั้งประสานกับสนามบินสุวรรณภูมิตรวจสัมภาระแรงงานให้เข้มงวดยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ กกจ. เคยตรวจเยี่ยมแรงงานที่อิสราเอลและพบว่าเฉพาะแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอลมีปัญหาติดยาเสพติดถึง 3,500 คน โดยส่วนใหญ่เสพยาบ้า นอกจากนี้ ผู้ค้ายาเสพติดยังมีการจ่ายเงินเพื่อให้ช่วยลักลอบขนยาเสพติดจากไปไทยไปอิสราเอลสูงถึงครั้งละ 1 ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดในอิสราเอลมีสูงมากขึ้น ขณะที่บทลงโทษในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมีโทษจำคุกแค่ 6 เดือน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่