กพร. ร่วมอาชีวะ - สภาอุตฯ - หอการค้าไทย - เยอรมัน พัฒนากำลังแรงงานป้อนอุตสาหกรรม เพิ่มขีดการแข่งขันระดับสากล ยึดมาตรฐานเยอรมนี เป็นต้นการฝึกออกใบรับรองเบิกทางการทำงาน
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่อาคารแสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี ม.ล.ปุณฑริก สมิติ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน ลงนามร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา หอการค้าเยอรมัน - ไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภายในงาน “อาชีวศึกษาทวิภาคีไทย” พร้อมกล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จะมีส่วนสำคัญในการผลิตกำลังแรงงานที่มีทักษะฝีมือเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งกำลังประสบปัญหาการขาดแคลนกำลังแรงงานทั้งปริมาณและคุณภาพ ทั้งนี้ 4 องค์กรจะร่วมมือกันใน 4 ด้าน คือ 1. ด้านมาตรฐาน ต้องมีการพัฒนาสมรรถนะให้ได้เทียบเท่ามาตรฐานเยอรมนี มีการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรร่วมกับฝ่ายที่ให้การรับรองสมรรถนะตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น การเทียบเคียงหลักสูตรการศึกษาทวิภาคี/การฝึกอาชีพ และความถูกต้องจากการนำไปใช้งาน เป็นต้น 2. การประเมินสมรรถนะ มีการสนับสนุนและอำนวยความสะดวก เพื่อให้มีมาตรฐานทั้งทางด้านคุณภาพและการรับรองทักษะจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง 3. การพัฒนาด้านการศึกษาและการฝึกอาชีพ เช่น มีการฝึกอบรมครู ครูฝึกในสถานประกอบกิจการ และพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาในระดับอาชีวะ 4. ส่งเสริมการพัฒนาเส้นทางอาชีพและโครงการการพัฒนาในสถานประกอบกิจการ
ม.ล.ปุณฑริก กล่าวอีกว่า กพร. พร้อมจะผลักดันการพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีศักยภาพก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล ยกระดับฝีมือแรงงานในสถานประกอบกิจการรวมทั้งครูฝึกของ กพร. นอกจากนี้ ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนแรงงานของประเทศให้มีความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) และเป็นการตอบสนองยุทธศาสตร์การพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ ที่กำหนดโดยคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (กพร.ปช.) ที่มุ่งเน้นสร้างความเชื่อมโยงระหว่างการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาคการศึกษาและภาคการทำงาน เพื่อสนับสนุนให้เกิดระบบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แบบครบวงจรต่อไป
นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา กล่าวว่า ทวีภาคีแบบเยอรมันถือเป็นต้นแบบที่ดีที่สุด เพราะประสบผลสำเร็จมากทั้งด้านการศึกษาการเรียนการสอนคู่ขนานกับการฝึกในสถานประกอบการ โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 60 ของนักศึกษาจะอยู่ในสถานประกอบการ ทั้งนี้หลังจากมีการร่วมลงนามแล้วตั้งเป้าว่าอาชีวะศึกษาจะต้องทำให้ได้ตามมาตรฐานของเยอรมนี ซึ่งนักศึกษาที่ผ่านการฝึกจะได้รับใบรับรองเพื่อเป็นหลักฐานการสมัครงานได้
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่อาคารแสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี ม.ล.ปุณฑริก สมิติ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน ลงนามร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา หอการค้าเยอรมัน - ไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภายในงาน “อาชีวศึกษาทวิภาคีไทย” พร้อมกล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จะมีส่วนสำคัญในการผลิตกำลังแรงงานที่มีทักษะฝีมือเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งกำลังประสบปัญหาการขาดแคลนกำลังแรงงานทั้งปริมาณและคุณภาพ ทั้งนี้ 4 องค์กรจะร่วมมือกันใน 4 ด้าน คือ 1. ด้านมาตรฐาน ต้องมีการพัฒนาสมรรถนะให้ได้เทียบเท่ามาตรฐานเยอรมนี มีการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรร่วมกับฝ่ายที่ให้การรับรองสมรรถนะตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น การเทียบเคียงหลักสูตรการศึกษาทวิภาคี/การฝึกอาชีพ และความถูกต้องจากการนำไปใช้งาน เป็นต้น 2. การประเมินสมรรถนะ มีการสนับสนุนและอำนวยความสะดวก เพื่อให้มีมาตรฐานทั้งทางด้านคุณภาพและการรับรองทักษะจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง 3. การพัฒนาด้านการศึกษาและการฝึกอาชีพ เช่น มีการฝึกอบรมครู ครูฝึกในสถานประกอบกิจการ และพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาในระดับอาชีวะ 4. ส่งเสริมการพัฒนาเส้นทางอาชีพและโครงการการพัฒนาในสถานประกอบกิจการ
ม.ล.ปุณฑริก กล่าวอีกว่า กพร. พร้อมจะผลักดันการพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีศักยภาพก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล ยกระดับฝีมือแรงงานในสถานประกอบกิจการรวมทั้งครูฝึกของ กพร. นอกจากนี้ ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนแรงงานของประเทศให้มีความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) และเป็นการตอบสนองยุทธศาสตร์การพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ ที่กำหนดโดยคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (กพร.ปช.) ที่มุ่งเน้นสร้างความเชื่อมโยงระหว่างการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาคการศึกษาและภาคการทำงาน เพื่อสนับสนุนให้เกิดระบบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แบบครบวงจรต่อไป
นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา กล่าวว่า ทวีภาคีแบบเยอรมันถือเป็นต้นแบบที่ดีที่สุด เพราะประสบผลสำเร็จมากทั้งด้านการศึกษาการเรียนการสอนคู่ขนานกับการฝึกในสถานประกอบการ โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 60 ของนักศึกษาจะอยู่ในสถานประกอบการ ทั้งนี้หลังจากมีการร่วมลงนามแล้วตั้งเป้าว่าอาชีวะศึกษาจะต้องทำให้ได้ตามมาตรฐานของเยอรมนี ซึ่งนักศึกษาที่ผ่านการฝึกจะได้รับใบรับรองเพื่อเป็นหลักฐานการสมัครงานได้
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
