xs
xsm
sm
md
lg

ปฏิรูปการศึกษา (7) สร้างแรงบวกด้วย “โลมาโมเดล” /สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในหลายกรณีของดีมีค่าก็อยู่ใกล้ตัวเรานี่เอง แต่เรามักจะมองข้ามไป
ภายหลังจากการอ่านหนังสือเรื่องปฏิรูปการศึกษาไทย คืนความสุขให้ครูและเยาวชนทั่วประเทศด้วย Amat Model เขียนโดยอาจารย์เกียรติวรรณ - รัชนี อมาตยกุล และคณะครูโรงเรียนอมาตยกุล ซึ่งนำเอาแนวทางที่ปฏิบัติอยู่ในโรงเรียน และสร้างเป็นรูปแบบการศึกษา เพื่อนำเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลชุดนี้
ประเด็นน่าสนใจที่ดิฉันเขียนไปก่อนหน้านี้ ประเด็นแรกคือการนำเสนอแผนการสอนกลางระดับชาติ (Thailand Teaching Model) และประเด็นที่ 2 คือปรับปรุงข้อสอบ O-NET เป็นการด่วน
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
วันนี้จะพูดถึงอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ...
“โลมา โมเดล”
อาจารย์เกียรติวรรณนำเอาข้อมูลเรื่องการฝึกปลาโลมา มาสะท้อนให้เราเห็นภาพของการสอนหรือการเลี้ยงดูเด็กด้านบวกที่สอดคล้องกับแนวคิดนีโอฮิวแมนนิส
...ถ้าเราจำเป็นที่จะต้องสอนปลาโลมาให้กระโดดเชือกสูง 22 ฟุต ให้ได้ เราจะทำอย่างไร?
การสอนนี้เป็นการท้าทายที่ยิ่งใหญ่ เพราะปลาโลมาพูดภาษาคนไม่ได้ และฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง
สิ่งแรกที่ครูฝึกต้องทำคือ กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน หรือวางแผนกลยุทธ์ โดยเอาเชือกไปแขวนไว้ที่ตำแหน่ง 22 ฟุตเหนือน้ำ และคิดอยู่เสมอว่าปลาโลมาจะกระโดข้ามได้อย่างสบายๆ จากนั้นครูฝึกจะต้องคิดหาทางสร้างแรงกระตุ้น หรือแรงจูงใจด้านบวก เพื่อที่จะทำให้โลมาทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
แรงจูงใจด้านบวกคืออะไร ?
แรงจูงใจด้านบวกคือ สภาพแวดล้อมด้านบวกที่อบอุ่น ความเข้าอกเข้าใจ ความเป็นมิตรเป็นกันเอง ผู้ฝึกสามารถสร้างบรรยากาศของการเรียนรู้ที่ดีได้โดยการลงไปว่ายน้ำด้วย มีการพูดคุย สัมผัส ลูบหัว หยอกล้อเล่น และอีกสิ่งหนึ่งก็คืออาหารที่โลมาชื่นชอบ นั่นก็คือ ปลา
จากนั้นครูฝึกต้องหาวิธีการ “เร่ง “ หรือ “ชักจูง” หรือ “จูงใจ” ให้โลมากระโดดข้ามเชือกให้ได้
ถ้าครูฝึกให้โลมากระโดดข้ามเชือกที่สูง 22 ฟุตในทันที ถ้าทำได้จะให้กินปลา แล้วโลมาจะทำได้หรือไม่ คงจะทำไม่ได้แน่นอน
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ถ้าเช่นนั้นครูฝึกควรทำอย่างไร ครูฝึกจะต้อง “สร้างสภาพแวดล้อม” ที่จะทำให้โลมาเกิดความปลอดภัย สบายใจ มั่นใจว่าสามารถทำได้ และมีความรู้สึกดีที่ทำได้
ครูฝึกจะเริ่มวางเชือกไว้ที่บริเวณใต้ผิวน้ำ ในตำแหน่งที่โลมาสามารถว่ายข้ามไปมาได้สะดวก
หลังจากนั้นครูฝึกจะยกระดับเชือกให้สูงขึ้นทีละน้อย และทุกครั้งที่โลมา “โดดข้ามเชือกได้” โลมาก็จะได้รับรางวัล ซึ่งจะทำให้โลมาเกิดความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นเรื่อยๆ รางวัลที่โลมาได้รับคือ ปลาเป็นอาหาร รวมทั้ง “คำชม การสัมผัส การลูบหัว และการหยอกล้อเล่น”
สิ่งสำคัญที่โลมาได้รับคือ “กำลังใจที่เข้มแข็งขึ้น”
ถ้าหากโลมาไม่ยอมว่าย หรือไม่ยอมกระโดดข้ามเชือกจะเกิดอะไรขึ้น ?
คำตอบคือไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น ไม่มีการด่าว่า ตำหนิติเตียน ไม่มีการแสดงอาการไม่พอใจ ไม่มีการแสดงออกว่าอารมณ์เสียของครูฝึก ไม่มีการลดอาหาร ไม่มีการบันทึกความผิดพลาดลงในประวัติของโลมา ไม่ทำโทษด้วยการช็อตกระแสไฟฟ้า
โลมาจะเรียนรู้ว่า ครูฝึกเห็นว่า การกระทำที่ผิดพลาดไม่ใช่เป็นสาระสำคัญของการเรียนรู้ เพราะว่าครูฝึกเพิกเฉย และไม่ใส่ใจความผิดพลาดของโลมาแม้แต่น้อย
จากความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้น ความสำเร็จทีละขั้น ที่ไม่กลัวที่จะล้มเหลวหรือผิดพลาด โลมาจะเก่งขึ้น มีความสามารถสูงขึ้น ยิ่งผู้ฝึกตื่นเต้น ยินดี ประทับใจในความก้าวหน้าของโลมามากขึ้นเท่าใด ความสำเร็จของโลมาก็จะสูงขึ้นและทำพลาดน้อยลงเท่านั้น ครูฝึกจะค่อย ๆ เพิ่มระดับความสูงของเชือกให้มากขึ้น โดยจะต้องไม่เพิ่มสูงเกินไป ไม่ช้าเกินไป จนทำให้โลมารู้สึกหิวที่ขาดอาหาร
ทุกการเรียนรู้ของโลมาเป็นไปอย่างมีขั้นตอน และสม่ำเสมอ จนในที่สุดเจ้าโลมาก็สามารถกระโดดข้ามเชือกที่สูงถึง 22 ฟุต เหนือผิวน้ำได้สำเร็จ
บทเรียนจาก “โลมาโมเดล” คือ การเรียนรู้ที่ดีจะเกิดขึ้นภายใต้สิ่งแวดล้อมด้านบวกที่อบอุ่นเป็นกันเอง มีมิตรภาพ แรงจูงใจด้านบวก และการไม่ใส่ใจกับความผิดพลาด เราทุกคนที่รู้ตัวดีเมื่อทำอะไรผิดพลาด และสิ่งที่ต้องการคือกำลังใจ และการให้โอกาส ถ้ามีการตำหนิ ติเตียน ทำโทษ ด่าว่า หรือใช้วิธีการด้านลบใด ๆ คนเราจะจดจำความผิดพลาดนั่นไว้ในใจและจะส่งผลให้ทำสิ่งผิดพลาดนั้นซ้ำบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้น ดังเช่นชีวิตของคนร้าย โจร อาชญากรทั้งหลาย
อาจารย์เกียรติวรรณ เชื่อมโยงเข้ากับการศึกษาแนวนีโอฮิวแมนนิส ว่า โดยธรรมชาติแล้วคนทุกคนที่มีภาพพจน์ด้านบวกกับตัวเองกระหายที่จะได้รับการยอมรับ ได้รับคำชมเชย ยกย่อง ได้รับความสำเร็จ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้รับความสนุกสนานท้าทาย
คุณครูหรือผู้สอนที่ต้องการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว และมีความสุข นอกจากจะต้องเชี่ยวชาญในการหาวิธีการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกที่ดีต่อตัวเองแล้ว ยังจะต้องรู้วิธีการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนอยากที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผู้สอนจึงมีหน้าที่โดยตรงที่จะจัดการเรียนการสอนให้สนุกและท้าทายความสามารถของผู้เรียนส่วนใหญ่ในห้องด้วย
เมื่อไรที่การเรียนการสอนใหม่สนุก ผู้เรียนเรียนไม่รู้เรื่องถือว่าเป็นความผิดของผู้สอน ผู้เรียนทุกคนจะถูกกระตุ้นให้ใช้ความคิดให้มาก ผู้สอนเป็นเพียงผู้คอยนำทาง เป็นผู้ชี้ประเด็นและมุมมองที่น่าคิดให้แก่ผู้เรียน ผู้เรียนทุกคนจะต้องได้รับการเอาใจใส่ ได้ลงมือทำ ได้รับคำชมเชย และรอยยิ้ม การให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและการให้กำลังใจจากผู้สอนถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งของการจัดการเรียนการสอนอย่างมาก
ฟังดูแล้วเหมือนว่าง่าย
แต่ถ้าปราศจากความศรัทธาและความเชื่อมั่นในแนวทางนี้เสียแล้วใช่ว่าจะทำได้ง่ายเสมอไป
โลมา โมเดล หรือโมเดลอื่น ๆ ของอาจารย์เกียรติวรรณ-รัชนี อมาตยกุลได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทำได้จริง เห็นผลจริง แม้จะในวงแคบๆ ที่ไม่ใช่กระแสหลัก คำถามคือรัฐพร้อมจะนำโมเดลนี้ไปขยายผลในสถานศึกษากระแสหลักทีละส่วนหรือไม่ อย่างไร
ในหลายกรณีของดีมีค่าก็อยู่ใกล้ตัวเรานี่เอง แต่เรามักจะมองข้ามไป

ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่

Loading

เครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม - ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น

View on Instagram




กำลังโหลดความคิดเห็น