ที่ประชุม คกก.พัฒนานโยบายฯ เห็นชอบ สธ. เดินหน้าตั้งสำนักงานเขตสุขภาพ หลังพบดำเนินการจัดบริการร่วมกันระดับเขตแล้วได้ผลดี ผู้ป่วยเข้าถึงบริการ ระบบสุขภาพดีขึ้น
นพ.วัลลภ ไทยเหนือ ประธานคณะกรรมการพัฒนานโยบายและการบริหารของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนานโยบายฯ ได้ให้ความสำคัญกับการปฏิรูประบบสุขภาพ โดยพัฒนาใน 3 เรื่อง ได้แก่ ระบบบริการในรูปแบบเขตสุขภาพ การบริหารจัดการการเงินการคลังทั้ง 3 กองทุนสุขภาพให้เหมาะสม มีประสิทธิภาพ และการสร้างระบบธรรมาภิบาล โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง และขวัญกำลังใจบุคลากร ให้ทำงานอย่างมีความสุข ซึ่งในส่วนของเขตสุขภาพนั้นเป็นการปฏิรูปการทำงานร่วมกันระหว่างผู้จัดบริการ ผู้ซื้อบริการ และกลุ่มติดตามกำกับมาตรฐาน เกิดการทำงานเชื่อมโยงระหว่างเขตสุขภาพ สธ. และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยที่ประชุมขอให้เพิ่มการจัดบริการเขตสุขภาพใน กทม. เนื่องจากมีประชากรหนาแน่น แต่เข้าถึงบริการได้น้อยกว่าคนต่างจังหวัด ซึ่ง นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. ได้มีการหารือกับรองผู้ว่าฯ กทม. ไว้แล้ว
นพ.วัลลภ กล่าวว่า การดำเนินงานเขตสุขภาพพบว่า ผู้ป่วยได้รับการดูแลดีขึ้นในหลายโรค เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจ ขณะนี้ทุกเขตมีโรงพยาบาลที่สามารถให้การรักษาได้อย่างทันท่วงที ลดอัตราตายลงเหลือไม่ถึงร้อยละ 10 จากเดิมอยู่ที่ร้อยละ 17 รวมทั้งได้รับยาละลายลิ่มเลือดและการขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูนเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 40 - 50 เป็นร้อยละ 50 - 60 เป็นต้น มีความร่วมมือกับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลเล็กใหญ่ในการดูแลผู้ป่วยร่วมกันภายในเขต จึงเห็นว่า สธ.เดินมาถูกทางแล้ว และจะเกิดการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า จึงมั่นใจว่าสุขภาพไทยจะดีขึ้นไปกว่านี้
“ที่ประชุมเห็นชอบให้กระทรวง ตั้งสำนักงานเขตสุขภาพประจำทั้ง 13 เขต เป็นหน่วยงานภายในไปก่อน เพื่อให้การดำเนินงานเขตสุขภาพเป็นไปอย่างคล่องตัว และให้มีการตั้งคณะกรรมการเขตสุขภาพให้ชัดเจน เพื่อดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล และ สธ. ในการกระจายอำนาจการบริหารไปสู่พื้นที่ โดยคณะกรรมการควรมีผู้แทนจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในเขต มีผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ เป็นประธาน เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ และมีธรรมาภิบาล” นพ.วัลลภ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.วัลลภ ไทยเหนือ ประธานคณะกรรมการพัฒนานโยบายและการบริหารของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนานโยบายฯ ได้ให้ความสำคัญกับการปฏิรูประบบสุขภาพ โดยพัฒนาใน 3 เรื่อง ได้แก่ ระบบบริการในรูปแบบเขตสุขภาพ การบริหารจัดการการเงินการคลังทั้ง 3 กองทุนสุขภาพให้เหมาะสม มีประสิทธิภาพ และการสร้างระบบธรรมาภิบาล โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง และขวัญกำลังใจบุคลากร ให้ทำงานอย่างมีความสุข ซึ่งในส่วนของเขตสุขภาพนั้นเป็นการปฏิรูปการทำงานร่วมกันระหว่างผู้จัดบริการ ผู้ซื้อบริการ และกลุ่มติดตามกำกับมาตรฐาน เกิดการทำงานเชื่อมโยงระหว่างเขตสุขภาพ สธ. และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยที่ประชุมขอให้เพิ่มการจัดบริการเขตสุขภาพใน กทม. เนื่องจากมีประชากรหนาแน่น แต่เข้าถึงบริการได้น้อยกว่าคนต่างจังหวัด ซึ่ง นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. ได้มีการหารือกับรองผู้ว่าฯ กทม. ไว้แล้ว
นพ.วัลลภ กล่าวว่า การดำเนินงานเขตสุขภาพพบว่า ผู้ป่วยได้รับการดูแลดีขึ้นในหลายโรค เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจ ขณะนี้ทุกเขตมีโรงพยาบาลที่สามารถให้การรักษาได้อย่างทันท่วงที ลดอัตราตายลงเหลือไม่ถึงร้อยละ 10 จากเดิมอยู่ที่ร้อยละ 17 รวมทั้งได้รับยาละลายลิ่มเลือดและการขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูนเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 40 - 50 เป็นร้อยละ 50 - 60 เป็นต้น มีความร่วมมือกับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลเล็กใหญ่ในการดูแลผู้ป่วยร่วมกันภายในเขต จึงเห็นว่า สธ.เดินมาถูกทางแล้ว และจะเกิดการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า จึงมั่นใจว่าสุขภาพไทยจะดีขึ้นไปกว่านี้
“ที่ประชุมเห็นชอบให้กระทรวง ตั้งสำนักงานเขตสุขภาพประจำทั้ง 13 เขต เป็นหน่วยงานภายในไปก่อน เพื่อให้การดำเนินงานเขตสุขภาพเป็นไปอย่างคล่องตัว และให้มีการตั้งคณะกรรมการเขตสุขภาพให้ชัดเจน เพื่อดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล และ สธ. ในการกระจายอำนาจการบริหารไปสู่พื้นที่ โดยคณะกรรมการควรมีผู้แทนจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในเขต มีผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ เป็นประธาน เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ และมีธรรมาภิบาล” นพ.วัลลภ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
Loadingเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น