“ณรงค์-กฤษณพงศ์-สุรเชษฐ์” เข้า ศธ. วันแรก มอบ 22 นโยบายให้ขับเคลื่อนทั้งเรื่องทั่วไป นโยบายเฉพาะและเรื่องเร่งด่วน เสมา 1 ตั้งเป้าชูธงปฏิรูปการศึกษา ขับเคลื่อนทั้งปฏิรูปโครงสร้าง หลักสูตร และการเรียนการสอน ปรับโฉมอาชีวศึกษา พัฒนาไอซีทีเพื่อการศึกษา เดินหน้าการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เผยสัปดาห์หน้าแบ่งงานให้ รมช.ศึกษา 2 คนเรียบร้อย
วันนี้ (12 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กระทรวงศึกษาธิการ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหาเรือ (ผบ.ทร.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมด้วย นายกฤษณพงศ์ กีรติกร รมช.ศึกษาธิการ และพล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการทหารบกและรมช.ศึกษาธิการ เดินทางเข้าทำงานที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) วันแรก โดยเข้าสักการะพระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์ สยามิศรจักรี สัฎฐีอนุสรณ์ศึกษาทรรังสรรค์ พระพุทธรูปประจำกระทรวง ศาลพระภูมิเจ้าที่ และพระบรมอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 โดยมี ผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ.พร้อมด้วยข้าราชการ ศธ. ให้การต้อนรับ จากนั้นได้เข้าห้องประชุมเพื่อรับฟังการทำงานของ ศธ.ที่ผ่านมาพร้อมมอบนโยบายการทำงานให้แก่ผู้บริหาร ศธ.
โดย พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า เป็นโอกาสแรกที่ ตนและรมช.ศึกษาธิการ ได้พบกับผู้บริหารองค์หลัก และข้าราชการ ซึ่งรับพวกตนเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัว ยอมรับว่ารู้สึกหนักใจกับงานใหม่เนื่องจากงานของ ศธ.มีความซับซ้อนกว่างานในกองทัพเรือ เพราะการบริหารกองทัพเรือ ก็คือบริหารคนให้ทำงานตามระเบียบ ตามที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วง แต่งาน ศธ.เป็นการขับเคลื่อนคนที่มีทั้งครู และนักเรียน จะต้องใช้ศิลปะ จิตวิญญาณ ความเป็นครูทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้นักเรียนประสบความสำเร็จตามความตั้งใจ ทั้งนี้ ตนพูดคุยและแจกการบ้านให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ โจทย์สำคัญก็คือ การที่กระทรวงอยู่ภายใต้ภาวะกดดันจากสังคมที่ไม่สามารถจัดการศึกษาได้ตามเป้า และไม่สอดรับกับงบประมาณจำนวนมากที่ได้รับซึ่งถือเป็นการบ้านข้อใหญ่ที่ ศธ.จะต้องปรับปรุงและปฏิรูป
สำหรับนโยบายที่มอบไว้แยกเป็น 3กลุ่ม คือ กลุ่มที่1 นโยบายทั่วไป ซึ่งเป็นนโยบายที่ต้องใช้เวลาดำเนินการซึ่งอาจจะมากกว่า 1 ปี ได้แก่ 1.การพัฒนาและการปฏิรูปการศึกษา ตามแนวทางของสภาปฏิรูปแห่งชาติและที่ได้แถลงนโยบายไว้กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) 2.การสร้างโอกาสทางการศึกษาในสังคมที่เท่าเทียมและเป็นธรรม พร้อมน้อมนำแนวทางการพัฒนาระบบการจัดการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาสมัยใหม่มานำมาประยุกต์ใช้ 3.การพัฒนาระบบการจัดการศึกษาและการพัฒนาหลักสูตรทางการศึกษา โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการยกระดับความรู้ให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล ควบคู่ไปกับการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ปลูกฝังอุดมการณ์ความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ 4.การส่งเสริมและยกสถานะของครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะการส่งเสริมให้วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูงในสังคม และ 5.การบริหารและการปฏิบัติราชการกระทรวงในทุกระดับ ซึ่งให้ความสำคัญกับการบูรณาการการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงานในกระทรวงเป็นไป ในทิศทางเดียวกัน มีการร่วมมือกับทุกภาคส่วนภายใต้หลักธรรมมาภิบาล ปราศจากการทุจริตและคอรัปชัน รวมทั้งต้องเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการศึกษาด้านการศึกษาที่ถูกต้อง รวดเร็ว และตรงกับความต้องการของสังคม
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า กลุ่มที่ 2 นโยบายเฉพาะ 7 นโยบายซึ่งสามารถใช้เวลาดำเนินการให้เห็นผลได้ภายใน 1 ปี ได้แก่ 1.การพัฒนาการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และสนับสนุนการแก้ไขปัญหา และพัฒนาจังหวัดชายแดสภาคใต้ 2.การเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2558 และการดำรงความต่อเนื่องภายหลังการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน การพัฒนาศักยภาพการแข่งขันและสนับสนุนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน 4.การมุ่งเน้นการผลิตและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพ 5.การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาให้ทันสมัย 6.การเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ 2558 ของ ศธ.และ 7.การดำเนินการตามแผนการศึกษาแห่งชาติและการปฏิรูปการศึกษา
สุดท้ายกลุ่มที่ 3 นโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ ได้แก่ 1.สำรวจให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟู โรงเรียน สถานศึกษา ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยโดยเร็ว 2 แก้ปัญหาความรุนแรงและเหตุทะเลาะวิวาทของเด็กอาชีวศึกษาอย่างเป็นระบบ 3 เร่งสร้างค่านิยม และปรับภาพลักษณ์อาชีวศึกษา 4 ทบทวนหลักสูตรการเรียนการสอน 5 ทบทวนเงินอุดหนุนรายหัว 6 เร่งขยายบทบาทของภาคเอชนในการมีส่ววนร่วมในระบบการศึกษา 7ปรับระบบการบรรจุ และทบทวนมาตรฐานวิชาชีพครูให้เอื้อต่อการเพิ่มโอกาสให้มีบุคลากรที่เหมาะสมเข้าสู่ระบบการศึกษามากขึ้น 8 เร่งทบทวนมาตรการจัดกิจกรรมรับน้อง 9 ทบทวนมาตรการความปลอดภัยสำหรับสถานศึกษา ทั้งกิจกรรมทัศนศึกษา และมาตรการความปลอดภัยในการขนส่งนักเรียน นักศึกษา และ10 ดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.)
“การทำงานของ ศธ.จะต้องสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล สภาปฏิรูปประเทศแห่งชาติ (สปช) และสภานิติบัญญัติ (สนช.) โดยเฉพาะการปฏิรูปการศึกษา จะต้องสอดรับกับการปฏิรูปประเทศ ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจเข้าสมัครเป็นสปช. จำนวนมาก โดยเฉพาะด้านการศึกษา เพราะฉะนั้นเมื่อมีสปช. เข้ามาจะเข้ามาช่วยพัฒนาการศึกษาได้ดีขึ้น ยอมรับว่ามีความหนักใจ เพราะเกิดมาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมารับตำแหน่งแบบนี้มาก่อนเลย เมื่อมารับแล้วก็เต็มที่ ต้องทำให้ดีที่สุดสุดความสามารถและผมก็ไม่ได้ทำคนเดียว ผมมี รมช.ศึกษาธิการและข้าราชการ ศธ. ซึ่งทุกคนยืนยันว่าจะร่วมมือร่วมใจกัน ตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ เป็นตำแหน่งที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้มา ส่วนความคาดหวังในใจของผม คือเดินหน้าปฏิรูปการศึกษาให้เห็นผล ซึ่งการปฏิรูปการศึกษา สามารถขับเคลื่อนพร้อมกันในทุก ๆ ด้าน ทั้งการปฏิรูปโครงสร้างองค์กร ปฏิรูปหลักสูตร และการจัดการเรียนการสอน รวมถึงการผลักดันให้ผู้เรียนเข้าศึกษาต่อในสายอาชีวศึกษามากขึ้น ในอนาคตไม่ใช่ปริญญาตรีสร้างชาติ แต่ต้องเป็นอาชีวะสร้างชาติ เพราะฉะนั้นจะต้องเปลี่ยนค่านิยมของคนเพื่อให้สัดส่วนเรียนต่อสายอาชีพเพิ่มเป็น 50-60% ให้ได้ ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้ว อยู่ที่ 70%”พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า สำหรับการแบ่งงาน รมช.ศึกษาธิการทั้ง 2 ท่านนั้นจะเรียบร้อยภายในสัปดาห์หน้า แต่เบื้องต้นได้หารือร่วมกันแล้วว่า ต้องปรับปรุงวิธีแบ่งงาน ยัง คงแบ่งการดูเป็นไปตามองค์กรเหมือนแต่งานใดที่ต้องเกี่ยวเชื่อมโยงกับหลาย หน่วยงาน อย่างเช่น การปฏิรูปหลักสูตร ซึ่งต้องมีการเชื่อมโยงตั้งแต่พื้นฐานถึงอุดมศึกษา ก็อาจจะต้องมอบให้เป็นภารกิจเฉพาะเรื่องให้แต่ละคนด้วย
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่