สธ. ส่งหนังสือทักท้วงออกประกาศหลักเกณฑ์กองทุนสุขภาพตำบลฉบับใหม่ ยก 4 เหตุผล ขัดหลัก พ.ร.บ.หลักประกันฯ กระทบหน่วยบริการสังกัด หวั่นทำระบบบริการสุขภาพเสียหาย ด้าน อปท. วอน สธ. เห็นประโยชน์ของกองทุน ชี้เปิดกว้างใช้งบ ยิ่งสร้างการมีส่วนร่วมสร้างสุขภาพท้องถิ่น
นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคาม กล่าวถึงกรณีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทำหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อทักท้วงในการออกประกาศเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น (กองทุนสุขภาพตำบล) ว่า การออกประกาศหลักเกณฑ์ดังกล่าวของ สปสช. เป็นไปตามข้อเสนอขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ต้องการให้ สปสช. เปิดกว้างหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินกองทุนสุขภาพตำบลมากขึ้น เพื่อให้ อปท. และชาวบ้านมีส่วนร่วมในการคิดและตัดสินใจในการดำเนินงานป้องกันและสร้างเสริมสุขภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายงบกองทุนสุขภาพตำบลที่ผ่านมา สปสช.ได้กำหนดรายละเอียดใช้จ่ายงบมากเกินไป จนเป็นข้อจำกัด อย่างไรก็ตาม งานด้านการสร้างเสริมสุขภาพเป็นเรื่องที่ครอบคลุมหลายมิติ จึงไม่ควรจำกัดการใช้งบเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการเท่านั้น ดังนั้น ประกาศหลักเกณฑ์ฯกองทุนสุขภาพตำบลจึงเป็นสิ่งที่ดี ช่วยให้เกิดการมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมสุขภาพชาวบ้านในพื้นที่ และช่วยหนุนเสริมกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการดูแลสุขภาพ ลดภาวะการเจ็บป่วย
“จากการดำเนินนโยบายกองทุนสุขภาพตำบลช่วง 8 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีข้อจำกัดในเรื่องหลักเกณฑ์การบริหาร แต่ก็ยังสามารถดึงท้องถิ่นต่างๆ ให้หันมาทำงานสร้างเสริมสุขภาพให้กับชาวบ้านได้เป็นจำนวนมาก เท่าที่ทราบปัจจุบันมีการจัดตั้งกองทุนสุขภาพตำบลครอบคลุมเกือบ 100% แล้ว ซึ่งมาจากประโยชน์ของกองทุนสุขภาพตำบลที่ส่งถึงชาวบ้านโดยตรงจริงๆ โดย อปท. ต่างยินดีร่วมจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน เพราะเห็นถึงประโยชน์ทางสุขภาพที่จะได้รับ” นพ.กิตติศักดิ์ กล่าว
นพ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า เมืองมหาสารคามเป็นพื้นที่ซึ่งมีผู้สูงอายุมากกว่า 3,000 คน จึงได้ร่วมกับกองทุนสุขภาพตำบลและศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง ในการจัดทำระบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวทั้งการตรวจสุขภาพ การติดตามเยี่ยมบ้าน การรักษา การให้คำแนะนำดูแลสุขภาพ และการออกกำลังกาย เป็นต้น รวมถึงการฝึกอบรมบุคลากรเพื่อดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งได้รับการตอบรับจากชาวบ้านเป็นอย่างดี และนำไปสู่การขยายจัดตั้งกองทุน กองบุญ เอื้ออาทร เพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุง ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้กับผู้สูงอายุที่ยากจน จะเห็นได้ว่าประโยชน์ที่เกิดจากกองทุนสุขภาพตำบลมีมากกว่าเม็ดเงินที่ทาง สปสช. เริ่มต้นใส่ลงไป อยากให้ สธ. มองเห็นถึงประโยชน์ที่เกิดกับท้องถิ่น ชาวบ้าน แทนที่จะทักท้วง คัดค้าน แต่ควรหันมาให้การสนับสนุนการดำเนินงานกองทุนสุขภาพตำบลมากกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือข้อทักท้วงในการออกประกาศเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ เป็นหนังสือที่ สธ 0209.07421 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 ลงนามโดย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งส่งถึงเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีเนื้อหาทักท้วงดังนี้
1. การออกประกาศฯ ฉบับใหม่นี้ ไม่ได้เป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 กำหนด กล่าวคือการสนับสนุนเงินกองทุนสุขภาพให้กับท้องถิ่นดำเนินการเรื่องหน่วยบริการและมาตรฐานบริการสาธารณสุข ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย สนับสนุน และส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ จะกำหนดเป็นอย่างอื่น สนับสนุนหน่วยงาน กลุ่มหรือองค์กรในลักษณะเดียวกันไม่ได้ นอกจากนี้ ประกาศหลักเกณฑ์การบริหารกองทุนสุขภาพตำบลฉบับใหม่นี้ยังมีลักษณะของการจัดตั้งกองทุนและดำเนินการที่แตกต่างไปตามกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรา 57
2. หลักเกณฑ์การรับเงิน การจ่ายเงิน การจัดทำบัญชี และรายงาน ซึ่งกำหนดให้เปิดบัญชีแยกต่างหากจากบัญชีทั่วไปเพื่อรับเงินตามแผนโครงการ พร้อมให้ทำการแยกบริการเป็นรายการย่อยๆ สร้างความสับสนและเป็นภาระกับหน่วยบริการและหน่วยงานโดยไม่จำเป็น
3. การให้คำจำกัดความเรื่องเดียวกันมีความเกี่ยวข้องกัน เช่น คำว่า “จัดบริการสาธารณสุข ในประกาศคณะหลักประกันสุขภาพ กับในประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในลักษณะที่แตกต่างกันจะทำให้เกิดความสับสนและมีปัญหาทางปฏิบัติได้
4. การจ่ายเงินให้หน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่หน่วยบริการเพื่อดำเนินงานที่นอกเหนือจากบริการสาธารณสุข เป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะส่งผลทำให้หน่วยบริการไม่ได้รับงบประมาณเพื่อการดำเนินงานที่ควรจะเป็น และอาจเกิดความเสียหายต่อระบบบริการสุขภาพได้
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคาม กล่าวถึงกรณีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทำหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อทักท้วงในการออกประกาศเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น (กองทุนสุขภาพตำบล) ว่า การออกประกาศหลักเกณฑ์ดังกล่าวของ สปสช. เป็นไปตามข้อเสนอขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ต้องการให้ สปสช. เปิดกว้างหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินกองทุนสุขภาพตำบลมากขึ้น เพื่อให้ อปท. และชาวบ้านมีส่วนร่วมในการคิดและตัดสินใจในการดำเนินงานป้องกันและสร้างเสริมสุขภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายงบกองทุนสุขภาพตำบลที่ผ่านมา สปสช.ได้กำหนดรายละเอียดใช้จ่ายงบมากเกินไป จนเป็นข้อจำกัด อย่างไรก็ตาม งานด้านการสร้างเสริมสุขภาพเป็นเรื่องที่ครอบคลุมหลายมิติ จึงไม่ควรจำกัดการใช้งบเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการเท่านั้น ดังนั้น ประกาศหลักเกณฑ์ฯกองทุนสุขภาพตำบลจึงเป็นสิ่งที่ดี ช่วยให้เกิดการมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมสุขภาพชาวบ้านในพื้นที่ และช่วยหนุนเสริมกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการดูแลสุขภาพ ลดภาวะการเจ็บป่วย
“จากการดำเนินนโยบายกองทุนสุขภาพตำบลช่วง 8 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีข้อจำกัดในเรื่องหลักเกณฑ์การบริหาร แต่ก็ยังสามารถดึงท้องถิ่นต่างๆ ให้หันมาทำงานสร้างเสริมสุขภาพให้กับชาวบ้านได้เป็นจำนวนมาก เท่าที่ทราบปัจจุบันมีการจัดตั้งกองทุนสุขภาพตำบลครอบคลุมเกือบ 100% แล้ว ซึ่งมาจากประโยชน์ของกองทุนสุขภาพตำบลที่ส่งถึงชาวบ้านโดยตรงจริงๆ โดย อปท. ต่างยินดีร่วมจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน เพราะเห็นถึงประโยชน์ทางสุขภาพที่จะได้รับ” นพ.กิตติศักดิ์ กล่าว
นพ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า เมืองมหาสารคามเป็นพื้นที่ซึ่งมีผู้สูงอายุมากกว่า 3,000 คน จึงได้ร่วมกับกองทุนสุขภาพตำบลและศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง ในการจัดทำระบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวทั้งการตรวจสุขภาพ การติดตามเยี่ยมบ้าน การรักษา การให้คำแนะนำดูแลสุขภาพ และการออกกำลังกาย เป็นต้น รวมถึงการฝึกอบรมบุคลากรเพื่อดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งได้รับการตอบรับจากชาวบ้านเป็นอย่างดี และนำไปสู่การขยายจัดตั้งกองทุน กองบุญ เอื้ออาทร เพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุง ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้กับผู้สูงอายุที่ยากจน จะเห็นได้ว่าประโยชน์ที่เกิดจากกองทุนสุขภาพตำบลมีมากกว่าเม็ดเงินที่ทาง สปสช. เริ่มต้นใส่ลงไป อยากให้ สธ. มองเห็นถึงประโยชน์ที่เกิดกับท้องถิ่น ชาวบ้าน แทนที่จะทักท้วง คัดค้าน แต่ควรหันมาให้การสนับสนุนการดำเนินงานกองทุนสุขภาพตำบลมากกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือข้อทักท้วงในการออกประกาศเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ เป็นหนังสือที่ สธ 0209.07421 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 ลงนามโดย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งส่งถึงเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีเนื้อหาทักท้วงดังนี้
1. การออกประกาศฯ ฉบับใหม่นี้ ไม่ได้เป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 กำหนด กล่าวคือการสนับสนุนเงินกองทุนสุขภาพให้กับท้องถิ่นดำเนินการเรื่องหน่วยบริการและมาตรฐานบริการสาธารณสุข ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย สนับสนุน และส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ จะกำหนดเป็นอย่างอื่น สนับสนุนหน่วยงาน กลุ่มหรือองค์กรในลักษณะเดียวกันไม่ได้ นอกจากนี้ ประกาศหลักเกณฑ์การบริหารกองทุนสุขภาพตำบลฉบับใหม่นี้ยังมีลักษณะของการจัดตั้งกองทุนและดำเนินการที่แตกต่างไปตามกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรา 57
2. หลักเกณฑ์การรับเงิน การจ่ายเงิน การจัดทำบัญชี และรายงาน ซึ่งกำหนดให้เปิดบัญชีแยกต่างหากจากบัญชีทั่วไปเพื่อรับเงินตามแผนโครงการ พร้อมให้ทำการแยกบริการเป็นรายการย่อยๆ สร้างความสับสนและเป็นภาระกับหน่วยบริการและหน่วยงานโดยไม่จำเป็น
3. การให้คำจำกัดความเรื่องเดียวกันมีความเกี่ยวข้องกัน เช่น คำว่า “จัดบริการสาธารณสุข ในประกาศคณะหลักประกันสุขภาพ กับในประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในลักษณะที่แตกต่างกันจะทำให้เกิดความสับสนและมีปัญหาทางปฏิบัติได้
4. การจ่ายเงินให้หน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่หน่วยบริการเพื่อดำเนินงานที่นอกเหนือจากบริการสาธารณสุข เป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะส่งผลทำให้หน่วยบริการไม่ได้รับงบประมาณเพื่อการดำเนินงานที่ควรจะเป็น และอาจเกิดความเสียหายต่อระบบบริการสุขภาพได้
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
