กรมแพทย์แผนไทยฯ แนะกิน “ขิง ข่า ตะไคร้ ผลไม้ตามฤดูกาล” ช่วงปรับร่างกายให้อบอุ่น เพิ่มพลังงาน หลังพบอากาศเริ่มเย็นลง แนะต้องปรับพร้อมธาตุประจำเดือนเกิด หากยังป่วยยาแผนไทยประจำบ้าน 10 ตัวช่วยได้
นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ขณะนี้อากาศเริ่มเปลี่ยนจากร้อนเป็นเย็น บางพื้นที่มีฝนตก ทำให้ร่างกายต้องปรับตัว ประชาชนจึงควรเลือกกินอาหารที่ให้ความร้อนสูง คือ มีสว่นผสมของขิง ข่า ตะไคร้ และกระเทียม เป็นต้น เช่น ต้มยำ แกงเลียง จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น ส่วนผลไม้ควรเลือกกินที่มีรสหวานจัดตามฤดูกาล เช่น ทุเรียน ลำไย ลิ้นจี่ มะม่วงสุก เป็นต้น นอกจากจะทำให้ร่างกายอบอุ่นแล้วยังช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย
นพ.ธวัชชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังต้องปรับตามธาตุในร่างกายตามเดือนเกิดด้วย เช่น คนเกิดช่วง มี.ค.-พ.ค. ซึ่งเป็นธาตุไฟ จึงควรกินอาหารที่เย็น แต่ต้องกินในระยะสั้นๆ เพราะหากกินนานไปจะทำให้ปลายมือปลายเท้าเป็นเหน็บชาได้ คนเกิดช่วง มิ.ย.-ส.ค. เป็นธาตุลม ควรกินอาหารเผ็ดร้อน เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ คนเกิดช่วง ก.ย.-พ.ย. เป็นธาตุดิน ควรกินอาหารรสหวาน มัน เค็ม และฝาด เพื่อไปเสริมธาตุดิน และคนเกิดช่วง ธ.ค.-ก.พ. เป็นธาตุน้ำ ควรกินอาหารที่มีรสขม เปรี้ยว ซึ่งจะช่วยทำให้ร่างกายเย็นลงและช่วยขับเสมหะ ส่งผลให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
นพ.ธวัชชัย กล่าวด้วยว่า แม้จะมีการปรับอาหารธาตุตามฤดูกาลแล้ว และมีร่างกายแข็งแรง แต่ยังมีการเจ็บป่วย ประชาชนสามารถดูแลตัวเองได้ด้วยการใช้ยาแพทย์แผนไทยประจำบ้าน 10 ตัว ได้แก่ ยาหอม ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร เหลืองปิดสมุทร จันทน์ลีลา ธรณีสันฑฆาต น้ำมันเหลือง คาลาไมน์พญายอ โลชั่นกันยุงตะไคร้หอม และยาการ์ซิดีน หรือยาเปลือกมังคุด ที่เป็นยาที่ทางกรมฯ จัดขึ้นโดยใช้หลักว่ายาทั้ง 10 ตัวจะช่วยดูแลประชาชนได้ก่อนที่จะไปหาหมอ และเมื่อมียาสมุนไพรทั้ง 10 ตัว ก็จะช่วยลดอาการเจ็บป่วยก่อนไปหาหมอ เนื่องจากยาจะช่วยประชาชนป้องกันตัวเองไม่ให้ป่วยหนัก
นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ขณะนี้อากาศเริ่มเปลี่ยนจากร้อนเป็นเย็น บางพื้นที่มีฝนตก ทำให้ร่างกายต้องปรับตัว ประชาชนจึงควรเลือกกินอาหารที่ให้ความร้อนสูง คือ มีสว่นผสมของขิง ข่า ตะไคร้ และกระเทียม เป็นต้น เช่น ต้มยำ แกงเลียง จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น ส่วนผลไม้ควรเลือกกินที่มีรสหวานจัดตามฤดูกาล เช่น ทุเรียน ลำไย ลิ้นจี่ มะม่วงสุก เป็นต้น นอกจากจะทำให้ร่างกายอบอุ่นแล้วยังช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย
นพ.ธวัชชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังต้องปรับตามธาตุในร่างกายตามเดือนเกิดด้วย เช่น คนเกิดช่วง มี.ค.-พ.ค. ซึ่งเป็นธาตุไฟ จึงควรกินอาหารที่เย็น แต่ต้องกินในระยะสั้นๆ เพราะหากกินนานไปจะทำให้ปลายมือปลายเท้าเป็นเหน็บชาได้ คนเกิดช่วง มิ.ย.-ส.ค. เป็นธาตุลม ควรกินอาหารเผ็ดร้อน เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ คนเกิดช่วง ก.ย.-พ.ย. เป็นธาตุดิน ควรกินอาหารรสหวาน มัน เค็ม และฝาด เพื่อไปเสริมธาตุดิน และคนเกิดช่วง ธ.ค.-ก.พ. เป็นธาตุน้ำ ควรกินอาหารที่มีรสขม เปรี้ยว ซึ่งจะช่วยทำให้ร่างกายเย็นลงและช่วยขับเสมหะ ส่งผลให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
นพ.ธวัชชัย กล่าวด้วยว่า แม้จะมีการปรับอาหารธาตุตามฤดูกาลแล้ว และมีร่างกายแข็งแรง แต่ยังมีการเจ็บป่วย ประชาชนสามารถดูแลตัวเองได้ด้วยการใช้ยาแพทย์แผนไทยประจำบ้าน 10 ตัว ได้แก่ ยาหอม ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร เหลืองปิดสมุทร จันทน์ลีลา ธรณีสันฑฆาต น้ำมันเหลือง คาลาไมน์พญายอ โลชั่นกันยุงตะไคร้หอม และยาการ์ซิดีน หรือยาเปลือกมังคุด ที่เป็นยาที่ทางกรมฯ จัดขึ้นโดยใช้หลักว่ายาทั้ง 10 ตัวจะช่วยดูแลประชาชนได้ก่อนที่จะไปหาหมอ และเมื่อมียาสมุนไพรทั้ง 10 ตัว ก็จะช่วยลดอาการเจ็บป่วยก่อนไปหาหมอ เนื่องจากยาจะช่วยประชาชนป้องกันตัวเองไม่ให้ป่วยหนัก