ผลสำรวจชัดเจน เด็ก กทม.ดื่มนมฟลูออไรด์ 5 ปี ลดฟันแท้ผุได้มากกว่าเด็กที่ไม่ดื่มถึง 34% กรมอนามัยเตรียมเร่งขยายโครงการนมฟลูออไรด์เพิ่มอีก 4 จังหวัดภาคใต้ หวังเด็กดื่มนมมีร่างกายแข็งแรง ลดฟันผุ
วันนี้ (26 มี.ค.) ทพ.สุธา เจียรมณีโชติชัย รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธาน เปิดการประชุมเรื่อง การพัฒนาคุณภาพนมฟลูออไรด์ในโครงการนมฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุในประเทศไทย ว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า การใช้ฟลูออไรด์ทุกรูปแบบมีประสิทธิผลในการป้องกันฟันผุ ซึ่งที่ผ่านมากรมอนามัยได้ดำเนินโครงการนมฟลูออไรด์มาตั้งแต่ปี 2543 ได้รับความร่วมมือจากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้การสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลก และมูลนิธิ The Borrow Foundation ประเทศอังกฤษ ให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมฟลูออไรด์พาสเจอร์ไรซ์ที่มีขนาด 200 มิลลิลิตร/ถุง และมีปริมาณฟลูออไรด์ 0.5 มิลลิกรัม/ถุง ซึ่งเป็นขนาดที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ
ทพ.สุธา กล่าวว่า จากการประเมินผลเด็ก กทม.ที่ดื่มนมฟลูออไรด์ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี พบว่า ช่วยลดโรคฟันผุในฟันแท้ได้มากกว่าเด็กที่ไม่ได้ดื่มนมฟลูออไรด์ร้อยละ 34.4 นอกจากนี้ มีการศึกษาปริมาณฟลูออไรด์โดยรวมที่ได้รับในแต่ละวันของเด็กที่ดื่มนมฟลูออไรด์ พบว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ปลอดภัย และไม่พบผลกระทบเรื่องฟันตกกระ ซึ่งเด็กที่ได้ดื่มนมฟลูออไรด์ยังคงต้องแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ตามปกติ ปัจจุบันดำเนินโครงการดังกล่าวในพื้นที่มีเด็กฟันผุสูงกว่า 1 ล้านคน ใน 8 จังหวัด ได้แก่ กทม. มพร ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี สระแก้ว ชลบุรี กระบี่ และพัทลุง อยู่ระหว่างการเตรียมดำเนินการอีก 4 จังหวัด ได้แก่ ตรัง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เพื่อขยายพื้นที่ในการให้ความรู้ในป้องกันและดูแลสุขภาพช่องปากในเด็ก รวมทั้งเทคนิคในการผลิตนมฟลูออไรด์ให้มีคุณภาพ ซึ่งจากการติดตามการผลิตนมฟลูออไรด์พบว่า การเพิ่มพูนความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างโรงนม ในการผลิตและควบคุมมาตรฐานตั้งแต่โรงนมถึงนมโรงเรียน เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กได้ดื่มนมฟลูออไรด์ที่มีประสิทธิผลในการป้องกันฟันผุ
“โรงนมมีส่วนสำคัญในการผลิตนมฟลูออไรด์อย่างมีคุณภาพ โดยบุคลากรจากโรงนมจะเข้ารับการอบรมด้านคุณภาพการผลิตนมฟลูออไรด์จากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ประกอบการขอรับใบอนุญาตผลิตนมฟลูออไรด์จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของโรงนมทั้ง 20 แห่ง ซึ่งการประชุมพัฒนาในครั้งนี้เพื่อเพิ่มพูนความรู้และเทคนิคในการผลิตนมฟลูออไรด์ให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการพัฒนาการจัดส่ง” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
วันนี้ (26 มี.ค.) ทพ.สุธา เจียรมณีโชติชัย รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธาน เปิดการประชุมเรื่อง การพัฒนาคุณภาพนมฟลูออไรด์ในโครงการนมฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุในประเทศไทย ว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า การใช้ฟลูออไรด์ทุกรูปแบบมีประสิทธิผลในการป้องกันฟันผุ ซึ่งที่ผ่านมากรมอนามัยได้ดำเนินโครงการนมฟลูออไรด์มาตั้งแต่ปี 2543 ได้รับความร่วมมือจากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้การสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลก และมูลนิธิ The Borrow Foundation ประเทศอังกฤษ ให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมฟลูออไรด์พาสเจอร์ไรซ์ที่มีขนาด 200 มิลลิลิตร/ถุง และมีปริมาณฟลูออไรด์ 0.5 มิลลิกรัม/ถุง ซึ่งเป็นขนาดที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ
ทพ.สุธา กล่าวว่า จากการประเมินผลเด็ก กทม.ที่ดื่มนมฟลูออไรด์ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี พบว่า ช่วยลดโรคฟันผุในฟันแท้ได้มากกว่าเด็กที่ไม่ได้ดื่มนมฟลูออไรด์ร้อยละ 34.4 นอกจากนี้ มีการศึกษาปริมาณฟลูออไรด์โดยรวมที่ได้รับในแต่ละวันของเด็กที่ดื่มนมฟลูออไรด์ พบว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ปลอดภัย และไม่พบผลกระทบเรื่องฟันตกกระ ซึ่งเด็กที่ได้ดื่มนมฟลูออไรด์ยังคงต้องแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ตามปกติ ปัจจุบันดำเนินโครงการดังกล่าวในพื้นที่มีเด็กฟันผุสูงกว่า 1 ล้านคน ใน 8 จังหวัด ได้แก่ กทม. มพร ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี สระแก้ว ชลบุรี กระบี่ และพัทลุง อยู่ระหว่างการเตรียมดำเนินการอีก 4 จังหวัด ได้แก่ ตรัง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เพื่อขยายพื้นที่ในการให้ความรู้ในป้องกันและดูแลสุขภาพช่องปากในเด็ก รวมทั้งเทคนิคในการผลิตนมฟลูออไรด์ให้มีคุณภาพ ซึ่งจากการติดตามการผลิตนมฟลูออไรด์พบว่า การเพิ่มพูนความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างโรงนม ในการผลิตและควบคุมมาตรฐานตั้งแต่โรงนมถึงนมโรงเรียน เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กได้ดื่มนมฟลูออไรด์ที่มีประสิทธิผลในการป้องกันฟันผุ
“โรงนมมีส่วนสำคัญในการผลิตนมฟลูออไรด์อย่างมีคุณภาพ โดยบุคลากรจากโรงนมจะเข้ารับการอบรมด้านคุณภาพการผลิตนมฟลูออไรด์จากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ประกอบการขอรับใบอนุญาตผลิตนมฟลูออไรด์จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของโรงนมทั้ง 20 แห่ง ซึ่งการประชุมพัฒนาในครั้งนี้เพื่อเพิ่มพูนความรู้และเทคนิคในการผลิตนมฟลูออไรด์ให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการพัฒนาการจัดส่ง” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
