โดย...สิรวุฒิ รวีไชยวัฒน์
หลายคนอาจเคยมีปัญหา “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” โดยเฉพาะเหล่ามนุษย์เงินเดือนที่พอเงินเข้าบัญชีปุ๊บ ยังไม่ทันได้อุ่นใจ ก็แทบจะสลายหายวับไปกับตา ไม่ว่าจะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน หนี้บัตรเครดิต สารพัดที่จะต้องจ่าย แล้วกว่าจะถึงสิ้นเดือนหากไม่บริหารจัดการเงินในกระเป๋าให้ดี เผลอตัวเผลอใจเที่ยว ชม ชิม ชอป สารพัด ก็มีสิทธิที่จะกินแกลบเอาง่ายๆ เช่นกัน
แล้วเราจะบริหารเงินอย่างไรให้รายรับที่เข้ามา มันไม่พุ่งทะลุผ่านมือออกไปหาคนอื่นเสียหมด วิธีหนึ่งที่ทราบกันดีเพราะปลูกฝังพร่ำสอนให้ทำกันมาตั้งแต่เด็กๆ นั่นก็คือ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย แต่เชื่อเถอะว่าส่วนใหญ่แทบไม่เคยทำกันเลย อาจมีบ้างที่ทำได้ตลอดรอดฝั่ง แต่บางคนก็ล้มเลิกทั้งที่ลองทำได้แค่วันเดียวด้วยซ้ำ
ปัจจุบันแม้จะมีแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยเราบันทึกรายรับรายจ่ายผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดายแค่ปลายนิ้วสัมผัส แต่ก็เช่นเดิมที่พอโหลดมาใช้สักพักก็ลืม ขี้เกียจ เบื่อ สุดท้ายก็ล้มเลิกไป แต่ล่าสุดมีแอปพลิเคชันตัวหนึ่งชื่อว่า “Plant Money” ได้ออกแบบโปรแกรมบันทึกรายรับรายจ่ายไว้ได้อย่างน่าสนใจ จนได้รับรางวัลชนะเลิศโครงการ Health App Challenge พัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อสุขภาพ จัดโดยสถาบันเชนจ์ฟิวชั่น บริษัท กูเกิล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ซัมซุง (ประเทศไทย) จำกัด และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ไปเมื่อเร็วๆ นี้
โดย นายพิชญ ศรีฟ้า หัวหน้าทีม Plant Money เล่าที่มาที่ไปของแอปพลิเคชันดังกล่าวว่า ที่คนทำบันทึกได้ไม่ต่อเนื่องก็เพราะขาดแรงจูงใจ แต่แอปพลิเคชันตัวนี้มีลูกเล่นที่ทำให้ผู้ใช้งานอยากจะบันทึกรายรับรายจ่ายต่อ นั่นคือเมื่อเริ่มใช้แอปพลิเคชันจะบังคับให้เลือกปลูกต้นไม้มงคล 1 ต้นจาก 5 ต้น คือ ทิวลิป มันฝรั่ง ใบเงินใบทอง กล้วย และโป๊ยเซียน ซึ่งสามารถนำต้นไม้ไปวางบนหน้า Home Screen ของมือถือได้ ตัวต้นไม้ก็จะมีลักษณะเป็นการ์ตูนน่ารักๆ ค่อยๆ เจริญเติบโตและขยับไปมาคอยบอกว่าได้เวลาที่ต้องบันทึกแล้ว ซึ่งหากมีการบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างต่อเนื่อง ต้นไม้ก็จะเจริญเติบโตงดงามในที่สุด ซึ่งเมื่อโตเต็มที่สามารถถ่ายรูปและนำไปโพสต์ทางโซเชียลเน็ตเวิร์กได้ด้วย
“การทำให้เงินงอกงามก็เหมือนกับการดูแลต้นไม้ให้เจริญเติบโต คือต้องหมั่นทำบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างมีวินัยเปรียบได้ดั่งการรดน้ำใส่ปุ๋ยให้แก่ต้นไม้ เพราะการทำบันทึกจะทำให้เรารู้สถานะทางการเงินของตนเอง ช่วยตั้งเป้าได้ว่าจะเก็บออมมากน้อยเท่าไร บางคนอาจตั้งเป้าไม่ใช้เงินเกินนี้ บางคนอาจตั้งเป้าว่าจะเก็บเงินให้ได้เท่านี้ เป็นต้น รวมถึงช่วยให้รู้ว่าควรปรับพฤติกรรมการใช้เงินอย่างไรบ้าง สำหรับแอปฯนี้ หากลืมบันทึกต้นไม้ก็จะค่อยๆเหี่ยวและตายไปในที่สุด ซึ่งเราออกแบบต้นไม้ที่กำลังจะตายให้ดูน่าสงสารสุดๆ เพื่อเรียกร้องให้เจ้าของหันกลับมาทำบันทึกต่อไป”
นายพิชญเล่าอีกว่า ต้นไม้ทั้ง 5 ต้นจะใช้เวลาในการปลูกต่างกัน แต่โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 10-15 วัน โดยต้นโป๊ยเซียนจะใช้เวลาในการปลูกนานที่สุด ซึ่งระยะเวลาในการปลูกไม่ได้อ้างอิงจากการปลูกต้นไม้จริงแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อปลูกต้นไม้จนโตเต็มที่แล้วก็จะมีช่องให้เก็บต้นไม้ที่ปลูกสำเร็จไว้เป็นคอลเลกชัน แล้วให้ปลูกต้นไม้ต้นใหม่
สำหรับการบันทึกรายรับรายจ่ายนั้น นายพิชญอธิบายว่า จะมีหมวดหมู่ต่างๆ ให้บันทึกกว่า 30 หมวด เช่น เงินเดือน อาหาร รถ ครอบครัว หนี้ บิล การศึกษา เพื่อน/ความรัก การลงทุน แพทย์ ชอปปิ้ง สัตว์เลี้ยง งานอดิเรก เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสามารถบันทึกย้อนหลังตามวันและแก้ไขบันทึกที่ผิดพลาดได้ด้วย รวมถึงสามารถตั้งหัวข้อบันทึกได้ด้วยว่าตั้งใจจะออมเงินเท่าไร เพื่ออะไร ซึ่งโปรแกรมจะคำนวณให้เลยว่า ในระยะเวลาที่กำหนดกี่ปี จะต้องเก็บเงินให้ได้ปีละเท่าไร เดือนละเท่าไร วันละเท่าไรอย่างละเอียดด้วย และสามารถตั้งพาสเวิร์ด สำรองข้อมูล กู้ข้อมูล และเปลี่ยนนามสกุลเงินได้ด้วย
“แม้ขณะนี้จะยังไม่ได้เปิดให้ดาวน์โหลดบน Play Storeแต่หลังจากประกวดเสร็จ อีกไม่นานน่าจะมีการนำมาลงให้ดาวน์โหลดแน่นอน ซึ่งในอนาคตก็จะมีการพัฒนาแอปฯ ต่อไปเรื่อยๆ เช่น เปิดให้มีการขายคืนต้นไม้ที่ปลูกสำเร็จแล้วเพื่อซื้อต้นไม้ต้นใหม่มาปลูก อาจเป็นต้นไม้แปลกๆ ที่ปลูกยากขึ้น รวมไปถึงอาจมีการติดต่อสถาบันการเงินต่างๆ ในการลงโฆษณาในแอปฯ เพื่อโปรโมตแคมเปญการออมของตนเองเป็นต้น และเพิ่มหมวดหมู่การบันทึกรายรับรายจ่ายได้เอง”
เรียกได้ว่าหากมีเป้าหมายในการเก็บเงิน และมีความตั้งใจจริงที่จะบันทึกรายรับรายจ่าย Plant Money เป็นแอปพลิเคชันหนึ่งที่น่าสนใจ และให้ความสนุกเพลิดเพลินกับการปลูกต้นไม้ ที่สำคัญคือความมีวินัยทางการเงินจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ รู้จักเก็บ รู้จักใช้ โอกาสรวยอย่างพอเพียงก็พอมีให้เห็นรำไร
หลายคนอาจเคยมีปัญหา “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” โดยเฉพาะเหล่ามนุษย์เงินเดือนที่พอเงินเข้าบัญชีปุ๊บ ยังไม่ทันได้อุ่นใจ ก็แทบจะสลายหายวับไปกับตา ไม่ว่าจะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน หนี้บัตรเครดิต สารพัดที่จะต้องจ่าย แล้วกว่าจะถึงสิ้นเดือนหากไม่บริหารจัดการเงินในกระเป๋าให้ดี เผลอตัวเผลอใจเที่ยว ชม ชิม ชอป สารพัด ก็มีสิทธิที่จะกินแกลบเอาง่ายๆ เช่นกัน
แล้วเราจะบริหารเงินอย่างไรให้รายรับที่เข้ามา มันไม่พุ่งทะลุผ่านมือออกไปหาคนอื่นเสียหมด วิธีหนึ่งที่ทราบกันดีเพราะปลูกฝังพร่ำสอนให้ทำกันมาตั้งแต่เด็กๆ นั่นก็คือ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย แต่เชื่อเถอะว่าส่วนใหญ่แทบไม่เคยทำกันเลย อาจมีบ้างที่ทำได้ตลอดรอดฝั่ง แต่บางคนก็ล้มเลิกทั้งที่ลองทำได้แค่วันเดียวด้วยซ้ำ
ปัจจุบันแม้จะมีแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยเราบันทึกรายรับรายจ่ายผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดายแค่ปลายนิ้วสัมผัส แต่ก็เช่นเดิมที่พอโหลดมาใช้สักพักก็ลืม ขี้เกียจ เบื่อ สุดท้ายก็ล้มเลิกไป แต่ล่าสุดมีแอปพลิเคชันตัวหนึ่งชื่อว่า “Plant Money” ได้ออกแบบโปรแกรมบันทึกรายรับรายจ่ายไว้ได้อย่างน่าสนใจ จนได้รับรางวัลชนะเลิศโครงการ Health App Challenge พัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อสุขภาพ จัดโดยสถาบันเชนจ์ฟิวชั่น บริษัท กูเกิล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ซัมซุง (ประเทศไทย) จำกัด และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ไปเมื่อเร็วๆ นี้
โดย นายพิชญ ศรีฟ้า หัวหน้าทีม Plant Money เล่าที่มาที่ไปของแอปพลิเคชันดังกล่าวว่า ที่คนทำบันทึกได้ไม่ต่อเนื่องก็เพราะขาดแรงจูงใจ แต่แอปพลิเคชันตัวนี้มีลูกเล่นที่ทำให้ผู้ใช้งานอยากจะบันทึกรายรับรายจ่ายต่อ นั่นคือเมื่อเริ่มใช้แอปพลิเคชันจะบังคับให้เลือกปลูกต้นไม้มงคล 1 ต้นจาก 5 ต้น คือ ทิวลิป มันฝรั่ง ใบเงินใบทอง กล้วย และโป๊ยเซียน ซึ่งสามารถนำต้นไม้ไปวางบนหน้า Home Screen ของมือถือได้ ตัวต้นไม้ก็จะมีลักษณะเป็นการ์ตูนน่ารักๆ ค่อยๆ เจริญเติบโตและขยับไปมาคอยบอกว่าได้เวลาที่ต้องบันทึกแล้ว ซึ่งหากมีการบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างต่อเนื่อง ต้นไม้ก็จะเจริญเติบโตงดงามในที่สุด ซึ่งเมื่อโตเต็มที่สามารถถ่ายรูปและนำไปโพสต์ทางโซเชียลเน็ตเวิร์กได้ด้วย
“การทำให้เงินงอกงามก็เหมือนกับการดูแลต้นไม้ให้เจริญเติบโต คือต้องหมั่นทำบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างมีวินัยเปรียบได้ดั่งการรดน้ำใส่ปุ๋ยให้แก่ต้นไม้ เพราะการทำบันทึกจะทำให้เรารู้สถานะทางการเงินของตนเอง ช่วยตั้งเป้าได้ว่าจะเก็บออมมากน้อยเท่าไร บางคนอาจตั้งเป้าไม่ใช้เงินเกินนี้ บางคนอาจตั้งเป้าว่าจะเก็บเงินให้ได้เท่านี้ เป็นต้น รวมถึงช่วยให้รู้ว่าควรปรับพฤติกรรมการใช้เงินอย่างไรบ้าง สำหรับแอปฯนี้ หากลืมบันทึกต้นไม้ก็จะค่อยๆเหี่ยวและตายไปในที่สุด ซึ่งเราออกแบบต้นไม้ที่กำลังจะตายให้ดูน่าสงสารสุดๆ เพื่อเรียกร้องให้เจ้าของหันกลับมาทำบันทึกต่อไป”
นายพิชญเล่าอีกว่า ต้นไม้ทั้ง 5 ต้นจะใช้เวลาในการปลูกต่างกัน แต่โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 10-15 วัน โดยต้นโป๊ยเซียนจะใช้เวลาในการปลูกนานที่สุด ซึ่งระยะเวลาในการปลูกไม่ได้อ้างอิงจากการปลูกต้นไม้จริงแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อปลูกต้นไม้จนโตเต็มที่แล้วก็จะมีช่องให้เก็บต้นไม้ที่ปลูกสำเร็จไว้เป็นคอลเลกชัน แล้วให้ปลูกต้นไม้ต้นใหม่
สำหรับการบันทึกรายรับรายจ่ายนั้น นายพิชญอธิบายว่า จะมีหมวดหมู่ต่างๆ ให้บันทึกกว่า 30 หมวด เช่น เงินเดือน อาหาร รถ ครอบครัว หนี้ บิล การศึกษา เพื่อน/ความรัก การลงทุน แพทย์ ชอปปิ้ง สัตว์เลี้ยง งานอดิเรก เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสามารถบันทึกย้อนหลังตามวันและแก้ไขบันทึกที่ผิดพลาดได้ด้วย รวมถึงสามารถตั้งหัวข้อบันทึกได้ด้วยว่าตั้งใจจะออมเงินเท่าไร เพื่ออะไร ซึ่งโปรแกรมจะคำนวณให้เลยว่า ในระยะเวลาที่กำหนดกี่ปี จะต้องเก็บเงินให้ได้ปีละเท่าไร เดือนละเท่าไร วันละเท่าไรอย่างละเอียดด้วย และสามารถตั้งพาสเวิร์ด สำรองข้อมูล กู้ข้อมูล และเปลี่ยนนามสกุลเงินได้ด้วย
“แม้ขณะนี้จะยังไม่ได้เปิดให้ดาวน์โหลดบน Play Storeแต่หลังจากประกวดเสร็จ อีกไม่นานน่าจะมีการนำมาลงให้ดาวน์โหลดแน่นอน ซึ่งในอนาคตก็จะมีการพัฒนาแอปฯ ต่อไปเรื่อยๆ เช่น เปิดให้มีการขายคืนต้นไม้ที่ปลูกสำเร็จแล้วเพื่อซื้อต้นไม้ต้นใหม่มาปลูก อาจเป็นต้นไม้แปลกๆ ที่ปลูกยากขึ้น รวมไปถึงอาจมีการติดต่อสถาบันการเงินต่างๆ ในการลงโฆษณาในแอปฯ เพื่อโปรโมตแคมเปญการออมของตนเองเป็นต้น และเพิ่มหมวดหมู่การบันทึกรายรับรายจ่ายได้เอง”
เรียกได้ว่าหากมีเป้าหมายในการเก็บเงิน และมีความตั้งใจจริงที่จะบันทึกรายรับรายจ่าย Plant Money เป็นแอปพลิเคชันหนึ่งที่น่าสนใจ และให้ความสนุกเพลิดเพลินกับการปลูกต้นไม้ ที่สำคัญคือความมีวินัยทางการเงินจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ รู้จักเก็บ รู้จักใช้ โอกาสรวยอย่างพอเพียงก็พอมีให้เห็นรำไร
